MINT รายงานกำไรสุทธิ 4Q66 จำนวน 984 ลบ. (-48% YoY, -54% QoQ) ต่ำกว่าที่ตลาดและ INVX คาดไว้ 58% เพราะถูกฉุดรั้งโดยรายการพิเศษ คือ ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน และขาดทุนที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงจากสัญญาอนุพันธ์ เมื่อหักรายการดังกล่าวออก พบว่ากำไรปกติเป็นไปตามคาดที่ 2.5 พันลบ. (+6% YoY, + 10% QoQ) หลังจากปี 2566 เป็นปีแห่งการฟื้นตัว MINT จะมุ่งเน้นไปที่การเติบโตที่ยั่งยืนและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับงบดุล กำไรปกติของ MINT กำลังจะผ่านจุดต่ำสุดของปี 2567 ใน 1Q67 ซึ่งเรามองว่าจะเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้น เรายังคงคำแนะนำ tactical call ระยะ 3 เดือน สำหรับ MINT ไว้ที่ OUTPERFORM โดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 ที่ 44 บาท/หุ้น 4Q66: กำไรสุทธิต่ำกว่าคาด แต่กำไรปกติตามคาด MINT รายงานกำไรสุทธิ 4Q66 จำนวน 984 ลบ. (-48% YoY, -54% QoQ) ต่ำกว่าที่ตลาดและ INVX คาดไว้ 58% เพราะถูกฉุดรั้งโดยรายการพิเศษ คือ ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน และขาดทุนที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงจากสัญญาอนุพันธ์ (บนสกุลเงินและอัตราดอกเบี้ย) เมื่อหักรายการดังกล่าวออก พบว่ากำไรปกติเป็นไปตามคาดที่ 2.5 พันลบ. (+6% YoY, + 10% QoQ) หลักๆ ได้แรงหนุนจากธุรกิจโรงแรม (RevPar สำหรับโรงแรมที่บริษัทเป็นเจ้าของเองและเช่าบริหาร +19% YoY แต่ -4% QoQ) และอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ต่อรายได้ที่ลดลง สำหรับปี 2566 MINT รายงานกำไรสุทธิ 5.4 พันลบ. (+26% YoY) และหากหักรายการพิเศษออก พบว่ากำไรปกติเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดสู่ 7.1 พันลบ. สูงกว่าระดับก่อนเกิดโควิด-19 แล้ว มุ่งเน้นการเติบโตที่ยั่งยืนและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับงบดุล หลังจากปี 2566 เป็นปีแห่งการฟื้นตัว MINT จะมุ่งเน้นไปที่การเติบโตที่ยั่งยืน โดยในระยะ 3 ปีข้างหน้า (จนถึงปี 2569) MINT ตั้งเป้ารายได้เติบโตเฉลี่ย 8-10% ต่อปี ในขณะที่คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตมากกว่ารายได้ที่ 15-20% ต่อปี โดยได้แรงหนุนจากมาร์จิ้นที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น การเติบโตส่วนใหญ่จะเกิดจากธุรกิจโรงแรมซึ่ง MINT วางแผนขยายโรงแรมเชิงรุกมากกว่า 200 แห่ง ด้วยจำนวนห้องมากกว่า 40,000 ห้อง (จากปัจจุบันที่มีโรงแรม 532 แห่ง และห้องพัก ~78,000 ห้อง, เพิ่ม 51%) ซึ่งหลักๆ จะเป็นโรงแรมภายใต้สัญญารับจ้างบริหาร โดย 81 แห่งได้มีการทำสัญญาแล้ว (~13,000 ห้อง) 40 แห่งอยู่ระหว่างการเจรจา และ MINT คาดว่าจะมีโอกาสในการทำสัญญาอีกมากกว่า 100 แห่ง MINT วางแผนใช้งบลงทุน 1.4 หมื่นลบ. ในปี 2567 โดยส่วนใหญ่จะใช้สำหรับการจัดวางตำแหน่งใหม่และอัพเกรดโรงแรมเพื่อให้สามารถปรับ ARR ให้สูงขึ้นและเพิ่มมาร์จิ้น สำหรับธุรกิจร้านอาหาร MINT วางแผนเปิดสาขาเพิ่มอีก 1,000 สาขา (จากปัจจุบัน 2,645 สาขา, เพิ่ม 38%) ด้วยกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ดีขึ้น อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นสุทธิจึงปรับตัวลดลงสู่ 1.02 เท่า ณ สิ้นปี 2566 และ MINT ตั้งเป้าลดอัตราส่วนดังกล่าวลงสู่ 0.8 เท่าภายใน 12 เดือน ปรับประมาณการกำไร เราปรับประมาณการกำไรปกติของ MINT เพิ่มขึ้น 5% ในปี 2567 และ 2% ในปี 2568 หลังจากบริษัทประกาศผลประกอบการปี 2566 เราคาดว่ากำไรปกติของ MINT จะเติบโต 12% สู่ 8.0 พันลบ. ในปี 2567 โดยใช้สมมติฐานรายได้เติบโต 7% ซึ่งใกล้เคียงกับตัวเลขเป้าหมายด้านต่ำของบริษัทอ้างอิงกับจำนวนโรงแรมใหม่ที่ได้มีการทำสัญญาแล้วและร้านอาหารใหม่ 100 สาขา เราคาดว่ากำไรปกติ 1Q67 ของ MINT จะเติบโต YoY แต่ลดลง QoQ เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซั่นที่สุดของการท่องเที่ยวในยุโรป MINT พบว่ารายได้ห้องพักเติบโตแข็งแกร่ง YoY ในเดือนม.ค. และยอดจองห้องพักสูงในเดือนก.พ.-มี.ค. เรายังคงราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 ไว้ที่ 44 บาท/หุ้น อ้างอิงวิธี sum-of-the-parts ปัจจัยเสี่ยง 1) ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความต้องการเดินทาง และ 2) ต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจโรงแรมและธุรกิจร้านอาหาร ปัจจัยเสี่ยงด้าน ESG คือ การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก พลังงาน น้ำเสีย และขยะ ที่มีประสิทธิภาพ (E) | |||
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก MINT240212_T
|