เราคาดว่า OSP จะรายงานกำไรสุทธิ 3Q66 จำนวน 568 ลบ. (+132.7% YoY และ +3.3% QoQ) โดยได้รับการสนับสนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ จากต้นทุนก๊าซธรรมชาติและไฟฟ้าที่ลดลง อย่างไรก็ตาม เราปรับประมาณการรายได้ปี 2566 ลดลง 6% เพื่อสะท้อนความต้องการเครื่องดื่มบำรุงกำลังที่ต่ำกว่าคาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ดังนั้นเราจึงปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ลดลง 4.7% จากประมาณการเดิม แต่ยังคงเติบโตโดดเด่นที่ 37% สู่ 2.64 พันลบ. เรายังคงคำแนะนำ tactical call สำหรับ OSP ไว้ที่ OUTPERFORM ด้วยราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 33 บาท/หุ้น กำไรสุทธิ 3Q66 จะได้รับการสนับสนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ฟื้นตัว เราประเมินกำไรสุทธิ 3Q66 ของ OSP ได้ที่ 568 ลบ. (+132.7% YoY และ +3.3% QoQ) โดยคาดว่ารายได้จะอยู่ที่ 6.35 พันลบ. (+2.8% YoY แต่ -5.4% QoQ) โดยได้รับการสนับสนุนจากการเติบโตของยอดขายเครื่องดื่มในประเทศ โดยเฉพาะเครื่องดื่มบำรุงกำลัง ในขณะที่ยอดขายต่างประเทศจะได้รับแรงกดดันจากยอดขายที่ลดลงจากเมียนมา ส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังใน 3Q66 คาดว่าจะอยู่ที่ ~47% ลดลงเล็กน้อยจาก 47.5% ใน 2Q66 จากการจัดโปรโมชั่นการตลาดน้อยลง อัตรากำไรขั้นต้นโดยเฉลี่ยคาดว่าจะฟื้นตัว YoY และ QoQ สู่ 35% เนื่องจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติ (7% ของต้นทุนขาย) และไฟฟ้า (4% ของต้นทุนขาย) ลดลง ถ้ากำไรสุทธิ 3Q66 ออกมาตามคาด กำไรสุทธิ 9M66 จะอยู่ที่ 1.89 พันลบ. (+18.7% YoY) ส่วนแบ่งการตลาดจะต่ำกว่าเป้าเล็กน้อย แม้ OSP ยังคงเป้าส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังไว้ที่ 49-49.5% ณ สิ้นปี 2566 แต่เรามองว่าตัวเลขดังกล่าวเป็นเป้าหมายที่ท้าทายอย่างมาก เนื่องจากส่วนแบ่งการตลาดใน 1Q66 อยู่ที่ 46.6% จากนั้นจึงปรับเพิ่มขึ้นสู่ 47.5% ใน 2Q66 และลดลงเล็กน้อยสู่ 47% ใน 3Q66 จากการจัดโปรโมชันการตลาดน้อยลง โดยเรามองว่าในกรณีดีที่สุดส่วนแบ่งการตลาดในปี 2566 จะอยู่ที่ ~48% ปรับประมาณการปี 2566 และปี 2567 ลดลง แต่ยังเติบโต เนื่องจากความต้องการเครื่องดื่มทั้งในประเทศและต่างประเทศต่ำกว่าคาด เราจึงปรับประมาณการรายได้ในปี 2566 ลดลง 6% และปี 2567 ลดลง 7% โดยคาดว่ารายได้ในปี 2566 จะลดลง 1.4% YoY สู่ 2.67 หมื่นลบ. ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวดีขึ้นสู่ 34.6% เมื่อเทียบกับ 30.6% ในปี 2565 ดังนั้นเราจึงคาดว่ากำไรสุทธิจะฟื้นตัวกลับมาเติบโต 37% YoY สู่ 2.6 พันลบ. ในปี 2566 และเติบโตต่อเนื่อง 6.3% ในปี 2567 หยุดประกอบกิจการโรงงานผลิตขวดแก้วใน 4Q66 OSP จะหยุดประกอบกิจการโรงงานผลิตขวดแก้วในจังหวัดสมุทรปราการตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2566 เป็นต้นไป โรงงานแห่งนี้ดำเนินงานเพื่อรองรับธุรกิจ OEM และใช้เป็นกำลังการผลิตสำรองเป็นส่วนใหญ่ นอกจากเทคโนโลยีที่ล้าสมัยและระดับพื้นฐานแล้ว โรงงานแห่งนี้ยังตั้งอยู่ค่อนข้างห่างไกลจากโรงงานและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการขนส่งสูง การหยุดประกอบกิจการโรงงานแห่งนี้อาจทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในส่วนของผลประโยชน์พนักงานใน 4Q66 แต่ OSP อาจได้รับกำไรจากการขายสินทรัพย์มาช่วยชดเชย และเราคาดว่าประสิทธิภาพการผลิตจะดีขึ้นตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป คงคำแนะนำ OUTPERFORM ด้วยราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 33 บาท/หุ้น เรามีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของกำไรสุทธิในปี 2566 ของ OSP ซึ่งจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2567 รวมถึงจุดแข็งในเรื่องประสิทธิภาพด้านต้นทุน เรายังคงคำแนะนำ tactical call ที่ OUTPERFORM ด้วยราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ปรับใหม่เป็น 33 บาท/หุ้น (จาก 35 บาท/หุ้น) อ้างอิง PE เฉลี่ย 35 เท่า ปัจจัยเสี่ยงและความกังวล ปัจจัยที่ต้องจับตา คือ: 1) ความผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบหลักๆ เช่น ก๊าซธรรมชาติ 2) ความผันผวนของปริมาณการขายในตลาด CLMV และนโยบายการเงิน และ 3) การฟื้นตัวของการบริโภค
|
PDF คลิกอ่านเพิ่มเติม OSP231024_T
PDF Click OSP231024_E