หลังการประชุมนักวิเคราะห์ เรายังคงคำแนะนำ NEUTRAL สำหรับ SAWAD และปรับราคาเป้าหมายลดลงจาก 45 บาท สู่ 42 บาท เราเชื่อว่าสถานการณ์เลวร้ายเกี่ยวกับคุณภาพสินทรัพย์ที่แย่ลงยังไม่จบลง ซึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ไม่ทั่วถึงและต่ำกว่าคาด และขาดทุนรถยึดที่ยังอยู่ในระดับสูงเพราะมีแรงกดดันจากราคารถมือสองที่ลดลง เราคาดว่าการเติบโตของสินเชื่อจะชะลอตัวลงและ NIM จะลดลง
ขาดทุนจากการขายสินทรัพย์ยึดทำจุดสูงสุด สินทรัพย์รอการขายที่เพิ่มขึ้น 93% และขาดทุนจากสินทรัพย์ยึดที่พุ่งขึ้นถึง 10 เท่า (บันทึกเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน) ในปี 2566 ทำให้เราเกิดความกังวลเกี่ยวกับคุณภาพสินทรัพย์ของ SAWAD SCAP (บริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ของ SAWAD) คาดว่าขาดทุนจากรถจักรยานยนต์ยึดจะปรับตัวลดลงใน 2H67 หลังจากสินทรัพย์ที่ยึดมาทำจุดสูงสุดใน 3Q66 อันเป็นผลมาจากการลด LTV สำหรับสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ลงจาก 120-30% สู่ 70-90% หลังจากมีการบังคับใช้เพดานอัตราดอกเบี้ยที่ 23% ในเดือนม.ค. 2566 สำหรับสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ LTV ปรับเพิ่มขึ้นจาก 40-50% สู่ 60% อันเป็นผลมาจากราคารถมือสองที่ปรับตัวลดลงอย่างมากในปี 2566 เมื่อพิจารณาที่งบการเงินรวม บริษัทกล่าวว่าขาดทุนจากการขายสินทรัพย์ยึดต่อพอร์ตทั้งหมดจะอยู่ที่ 1.2-1.4% (0.4-0.5% สำหรับสินเชื่อจำนำทะเบียน และ <2.5% สำหรับสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์) ในปี 2567 เทียบกับ 1.23% (0.46% สำหรับสินเชื่อจำนำทะเบียน และ 2.77% สำหรับสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์) ในปี 2566 ดังนั้นเราจึงคาดว่าขาดทุนจากสินทรัพย์ยึดจะยังอยู่ในระดับสูงในปี 2567
Credit cost ยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดัน เรายังคงประมาณการตามหลักความระมัดระวังว่า credit cost จะเพิ่มขึ้นจาก 2.32% ในปี 2566 สู่ 3% ในปี 2567 เนื่องจากเราคาดว่า credit cost จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 2.8% ใน 4Q66 จากความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อลูกหนี้ผิดนัดชาระหนี้ต่อยอดหนี้ (LGV) ที่สูงขึ้นอันเป็นผลมาจากราคารถมือสองที่ลดลงและ NPL ที่สูงขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ไม่ทั่วถึงและช้ากว่าคาด เราเชื่อว่าเป้า credit cost ปี 2567 ของ SAWAD ต่ำเกินไป เนื่องจากสัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ที่มีความเสี่ยงสูงเพิ่มขึ้นพร้อมกับ NPL ที่สูงขึ้น บริษัทวางแผนที่จะใช้ความเข้มงวดน้อยลงในการติดตามหนี้ โดยจะชะลอการยึดสินทรัพย์สำหรับสินเชื่อจำนำทะเบียนเหมือนกับช่วงเก่อนเกิดสถานการณ์โควิด ซึ่งเราเชื่อว่าอาจทำให้สินเชื่อ stage 2 เพิ่มขึ้น
NIM จะลดลง เราคาดว่า NIM จะลดลง 135 bps ในปี 2567 เนื่องจากจะไม่มีดอกเบี้ยรับที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจำนวน 250 ลบ. ที่เกิดจากการเลื่อนชั้นสินเชื่อจาก stage 3 เป็น stage 2 เกิดขึ้นอีก ผลตอบแทนจากสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ (สุทธิจากต้นทุนการได้มาซึ่งลูกค้า) น่าจะใกล้ทำจุดต่ำสุด เนื่องจากการลดค่าคอมมิชชั่นดีลเลอร์ลง >70% มากเกินพอชดเชยการปรับอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ลดลงจาก 32% เป็น 23% หลังจากมีการบังคับใช้เพดานอัตราดอกเบี้ยในเดือนม.ค. 2566 นอกจากนี้ SAWAD ยังได้ปรับอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นจาก 15% สู่ 18-24% ตั้งแต่เดือนก.ค. 2566 เพื่อเพิ่ม NIM ด้วย
การเติบโตของสินเชื่อดี แต่จะชะลอตัวลง SAWAD ตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อที่ 20% ในปี 2567 เทียบกับ 76% (49% เกิดจากธุรกิจของบริษัทเอง) ในปี 2566 สอดคล้องกับประมาณการของเรา
Dilution effect จากหุ้นปันผล เราปรับประมาณการ EPS ปี 2567 ลดลง 10% เพื่อสะท้อน dilution effect จากหุ้นปันผลจำนวน 137.32 ล้านหุ้น (10% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด) เราคาดว่า EPS ปี 2567 จะลดลง 6% แม้คาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้น 3%
คงคำแนะนำ NEUTRAL และปรับราคาเป้าหมายลดลง สู่ 42 บาท อ้างอิง PBV 1.9 เท่า (ใช้สมมติฐาน ROE ระยะยาวที่ 16% cost of equity ที่ 10.32% และการเติบโตระยะยาวที่ 4%) หรือ PE 12.3 เท่า สำหรับปี 2567 ทั้งนี้ valuation ของเรารวมเอาความเสี่ยง ESG จากรณีคดีฟ้องร้องศาลและ market conduct เข้ามาด้วย
ปัจจัยเสี่ยง 1) ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวไม่ทั่วถึงและราคารถมือสองที่ลดลง 2) ความเสี่ยงด้าน NIM จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่สูงขึ้น 3) การแข่งขันที่สูงขึ้นจากธนาคาร 4) ความเสี่ยงด้านกฎหมาย และ 5) ความเสี่ยง ESG จากคดีฟ้องร้องศาลและ market conduct
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก SAWAD240304_T
|