เราประเมินกำไรสุทธิ 3Q66 ของ SPALI ได้ที่ 1.27 พันลบ. (-53.5% YoY และ -24.9% QoQ) เพราะได้รับแรงกดดันจากรายได้ที่ลดลง ในขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะฟื้นตัวเล็กน้อย QoQ แต่ยังคงอ่อนแอ YoY เราปรับประมาณการรายได้ปี 2566 ลดลง 12% สู่ 3.11 หมื่นลบ. (-10% YoY) โดย backlog รองรับรายได้ที่คาดการณ์ไว้แล้ว 95% และคาดการณ์กำไรสุทธิที่ 5.9 พันลบ. (-27.5% YoY) เรายังคงคำแนะนำ tactical call สำหรับ SPALI ไว้ที่ NEUTRAL ด้วยราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ปรับใหม่เป็น 23.80 บาท/หุ้น อ้างอิง PE เฉลี่ย 6.9 เท่า กำไรสุทธิ 3Q66 จะลดลง YoY และ QoQ เราประเมินกำไรสุทธิ 3Q66 ของ SPALI ได้ที่ 1.27 พันลบ. (-53.5% YoY และ -24.9% QoQ) โดยคาดว่ารายได้จะอยู่ที่ 6.9 พันลบ. (-38% YoY และ -15% QoQ) แบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากโครงการแนวราบ 62% และคอนโด 38% โดยมีคอนโดใหม่ 1 โครงการที่เริ่มโอนใน 3Q66 คือ ศุภาลัย พรีเมียร์ สี่พระยา-สามย่าน (มูลค่าโครงการ 2.4 พันลบ. ขายได้แล้ว 94% โอนแล้ว 40%) อัตรากำไรขั้นต้นโดยเฉลี่ยคาดว่าจะอยู่ที่ 36.1% ฟื้นตัว QoQ จากประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุน แต่อ่อนตัวลง YoY ในขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจาก JV ในออสเตรเลียคาดว่าจะลดลง YoY และ QoQ สู่ 69 ลบ. (-19.1% YoY และ -46.2% QoQ) ถ้ากำไรสุทธิ 3Q66 ออกมาตามคาด กำไรสุทธิ 9M66 จะอยู่ที่ 4.05 พันลบ. (-32% YoY) ยอด presales ปี 2566 จะต่ำกว่าเป้า SPALI รายงานยอด presales ใน 3Q66 ที่ 6.2 พันลบ. (-8% YoY และ -25% QoQ) แบ่งเป็นยอด presales จากโครงการแนวราบ 70% (มูลค่าลดลง 10% YoY และ 13% QoQ) และยอด presales จากคอนโด 30% (มูลค่าลดลง 2% YoY และ 42% QoQ) ส่งผลทำให้ยอด presales ใน 9M66 อยู่ที่ 2.35 หมื่นลบ. คิดเป็น 65% ของเป้ายอด presales ที่บริษัทวางไว้ในปี 2566 ที่ 3.6 หมื่นลบ. (+11% YoY) เนื่องจากความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยชะลอตัวลงใน 3Q66 เราจึงคาดว่าอย่างดีที่สุด SPALI จะทำยอด presales ในปี 2566 ได้ที่ 3.2-3.3 หมื่นลบ. ทรงตัว YoY และต่ำกว่าเป้า 10-11% เลื่อนเปิดตัวโครงการใหม่ส่วนหนึ่งจากปี 2566 เป็นปี 2567 ใน 4Q66 SPALI จะเปิดตัวโครงการใหม่รวม 11 โครงการ มูลค่ารวม 1.37 หมื่นลบ. ซึ่งมีคอนโด 1 โครงการ คือ ศุภาลัย เซนส์ ศรีนครินทร์ (มูลค่าโครงการ 1 พันลบ.) รวมอยู่ด้วย ดังนั้นมูลค่าโครงการเปิดใหม่ทั้งหมดในปี 2566 จะอยู่ที่ 3.57 หมื่นลบ. (-5% YoY) ทั้งนี้หลังจากรวมโครงการที่เลื่อนเปิดตัวเข้ามา มูลค่าโครงการเปิดใหม่ในปี 2567 จะทำจุดสูงสุดใหม่ที่กว่า 4.0 หมื่นลบ. โดยใน 1Q67 จะมีโครงการเปิดใหม่ 14 โครงการ มูลค่ารวม 1.74 หมื่นลบ. ปรับประมาณการปี 2566 และปี 2567 ลดลง ปัจจุบัน SPALI มี backlog มูลค่า 1.93 หมื่นลบ. โดย 44% จะรับรู้เป็นรายได้ใน 4Q66, 46% ในปี 2567 และที่เหลือ (10%) จะรับรู้เป็นรายได้ในปี 2568-2569 เมื่อแยกตามผลิตภัณฑ์ backlog 53% เป็นโครงการแนวราบ และ 47% เป็นคอนโด เมื่อพิจารณาจากยอดขายที่อ่อนแอเนื่องจากความต้องการซื้อชะลอตัวเพราะได้รับแรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยระดับสูง เราจึงปรับประมาณการรายได้ปี 2566 ลดลง 12% และปี 2567 ลดลง 6% ดังนั้นเราจึงคาดการณ์รายได้ปี 2566 ที่ 3.11 หมื่นลบ. (-10% YoY) โดย backlog รองรับรายได้ที่คาดการณ์ไว้แล้ว 95% และคาดการณ์กำไรสุทธิที่ 5.9 พันลบ. (-27.5% YoY) ในขณะที่คาดว่ากำไรปี 2567 จะเติบโต 13% สู่ 6.69 พันลบ. ปัจจัยเสี่ยงและความกังวล เนื่องจากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 และคาดว่าจะปรับขึ้นต่อเนื่องในปี 2567 อัตราการปฏิเสธสินเชื่อจึงน่าจะสูงขึ้นด้วยเช่นกัน อีกทั้งความต้องการซื้อก็จะปรับตัวลดลง นอกจากนี้ backlog คอนโดในปี 2567-2569 ก็อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งสะท้อนถึงความชัดเจนของกำไร (earnings visibility) ระดับต่ำ Tactical call “NEUTRAL” ด้วยราคาเป้าหมาย 23.80 บาท เนื่องจากกำไรจะปรับตัวลดลงในปี 2566 และ backlog จะยังอยู่ในระดับต่ำในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ดังนั้นเราจึงคงคำแนะนำ tactical call สำหรับ SPALI ไว้ที่ NEUTRAL ด้วยราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ปรับใหม่เป็น 23.80 บาท (จาก 27 บาท/หุ้น) อ้างอิง PE เฉลี่ย (16 ปี) ที่ 6.9 เท่า
|
PDF คลิกอ่านเพิ่มเติม KKP231024_T
PDF Click KKP231024_E