SPALI รายงานกำไรสุทธิ 2Q67 ที่ 1.59 พันลบ. (-6% YoY แต่ +160.6% QoQ) เป็นไปตามที่ตลาดคาด แต่ต่ำกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ 5% จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่าคาด กำไร 2Q67 ได้รับการสนับสนุนจากการโอน backlog คอนโดและส่วนแบ่งกำไรจากโครงการในออสเตรเลียที่เพิ่มขึ้นมาก ในขณะที่คาดว่ากำไรสุทธิ 3Q67 จะเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ โดยได้แรงหนุนจากการโอนคอนโดที่มีอยู่ในปัจจุบันและคอนโดใหม่ เรายังคงคาดการณ์ว่ากำไรปี 2567 จะอยู่ในระดับทรงตัวที่ 6 พันลบ. เราคงคำแนะนำ NEUTRAL สำหรับ SPALI และปรับปีฐานในการประเมินราคาเป้าหมายเป็นปี 2568 ซึ่งได้ราคาเป้าหมายที่ 20.0 บาท อ้างอิง PE 6.2 เท่า โดยมีความกังวลมากขึ้นต่อแนวโน้มปี 2568 สืบเนื่องมาจาก backlog ระดับต่ำ SPALI ประกาศจ่ายเงินปันผลงวด 1H67 ที่ 0.60 บาท/หุ้น (ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 27 ส.ค.) คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 4%
กำไรสุทธิ 2Q67 -6% YoY แต่ +160% QoQ SPALI รายงานกำไรสุทธิ 2Q67 ที่ 1.59 พันลบ. (-6% YoY แต่ +160.6% QoQ) เป็นไปตามที่ตลาดคาด แต่ต่ำกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ 5% รายได้เป็นไปตามคาดที่ 7.94 พันลบ. (-2.7% YoY แต่ +73.4% QoQ) โดยรายได้ 69% มาจากโครงการแนวราบ และ 31% มาจากคอนโด ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการโอนกรรมสิทธิ์ที่คอนโดใหม่ 3 โครงการ: ซิตี้โฮม สนามบินน้ำ-รัตนาธิเบศร์, ศุภาลัย ไอคอน สาทร และ ศุภาลัย พรีเมียร์ สามเสน-ราชวัตร อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยอยู่ที่ 36.1% ต่ำกว่าที่เราประเมินไว้ที่ 36.6% เล็กน้อย โดยอัตรากำไรขั้นต้นคอนโดที่แข็งแกร่งที่สูงกว่า 40% ถูกฉุดรั้งโดยอัตรากำไรขั้นต้นระดับต่ำกว่า 35% จากโครงการแนวราบและโครงการในออสเตรเลีย ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ JV ในออสเตรเลียอยู่ที่ 237 ลบ. (+86% YoY ) กำไรสุทธิ 1H67 อยู่ที่ 2.21 พันลบ. (-20.4% YoY) คิดเป็น 40% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา
กำไรสุทธิ 3Q67 จะเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ… คาดกำไรสุทธิปี 2567 อยู่ในระดับทรงตัว ปัจจุบัน SPALI มี backlog มูลค่า 1.64 หมื่นลบ. (แนวราบ 49% และคอนโด 51%) โดย 77% จะรับรู้เป็นรายได้ในปี 2567 และส่วนที่เหลืออีก 23% จะรับรู้เป็นรายได้ในปี 2568-2569 สำหรับ 3Q67 เราคาดว่ากำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ โดยได้รับการสนับสนุนจาก backlog คอนโดรอโอน โดยเฉพาะจากโครงการ ศุภาลัย ไอคอน สาทร และยอดโอนใหม่ที่โครงการ ศุภาลัย ลอฟท์ สถานีภาษีเจริญ ดังนั้นเราจึงคงประมาณการรายได้ปี 2567 ไว้ที่ 3.08 หมื่นลบ. (+0.7%) และคงประมาณการกำไรสุทธิไว้ที่ 6 พันลบ. ทรงตัว YoY
ปัจจัยเสี่ยงและความกังวล การเลื่อนลงทุนโครงการใหม่ในออสเตรเลียจากต้น 2Q67 เป็นปลาย 3Q67 อาจส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสด สถานะหนี้สิน และส่วนแบ่งกำไรตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป นอกจากนี้ backlog ในปี 2568-2569 ก็อยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ
ความเสี่ยงด้าน ESG แม้ SPALI ได้มีการขออนุญาต EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) ก่อนการพัฒนาโครงการ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม แต่ยังมีกรณีคดีฟ้องร้องเกิดขึ้นในคอนโดบางโครงการ ซึ่งเราประเมินว่าเป็นความเสี่ยง ESG ในด้านสิ่งแวดล้อม และสังคม (มีผลกระทบต่อชุมชนบริเวณใกล้เคียง) และธรรมาภิบาล |
||
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก SPALI240814_T
|