หลังการประชุมนักวิเคราะห์ เรายังคงคำแนะนำ OUTPERFORM สำหรับ TIDLOR และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 27 บาท เรายังคงมุมมองว่ากำไรมีแนวโน้มเติบโตดีในปี 2567 โดยได้รับการสนับสนุนจากสินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโตดี และ credit cost ที่ลดลง การปรับโครงสร้างองค์กรเป็นโฮลดิ้งส์ทำให้มีโอกาสที่บริษัทจะเพิ่มอัตราการจ่ายเงินปันผล Credit cost จะลดลง TIDLOR ยังคงเป้าที่จะลด credit cost ลงสู่ 3-3.35% ในปี 2567 (เทียบกับ 3.32% ใน 1Q67) จาก 3.39% ในปี 2566 ซึ่งเป็นผลมาจาก NPL ที่ไหลเข้าน้อยลงและการตัดหนี้สูญน้อยลงหลังจากเร่งตัดหนี้สูญในปี 2566 บริษัทคาดว่า credit cost ปี 2567 น่าจะอยู่ที่กรอบบนของเป้าหมายที่ 3.35% โดยมีสาเหตุมาจากความไม่แน่นอนของราคารถมือสอง ซึ่งคาดว่าจะลดลงใน 2Q67 หลังหมดมาตรการช่วยเหลือในเดือนเม.ย. เราปรับประมาณการ credit cost ปี 2567 เพิ่มขึ้น 5 bps สู่ 3.35% (-4 bps) สินเชื่อจะเติบโตดีต่อเนื่อง TIDLOR ยังคงเป้าการเติบโตของสินเชื่อไว้ที่ 10-20% ในปี 2567 การเติบโตของสินเชื่อที่ 2.8% QoQ (+21% YoY) ใน 1Q67 (แข็งแกร่งกว่า 2.3% ใน 1Q66) แข็งแกร่งกว่าเป้าของบริษัทและประมาณการของเรา ซึ่งสะท้อนถึงการเติบโตของสินเชื่อที่เร่งตัวขึ้นตามฤดูกาลใน 2Q67 เรายังคงประมาณการการเติบโตของสินเชื่อปี 2567 ไว้ที่ 18% เทียบกับ 20% ในปี 2566 NIM จะได้รับแรงกดดันจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น TIDLOR คาดว่าต้นทุนทางการเงินของบริษัทจะเพิ่มขึ้นไม่เกิน 40 bps ในช่วงที่เหลือของปี 2567 ทั้งนี้เพื่อลดผลกระทบจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น TIDLOR จึงปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้น 35 bps ในเดือนธ.ค. ปีที่ผ่านมา โดยใช้กับการปล่อยสินเชื่อใหม่ เราคาดว่า NIM จะลดลง 11 bps ในปี 2567 ปรับประมาณการการเติบโตของรายได้นายหน้าเพิ่มขึ้น เบี้ยประกันวินาศภัยของ TIDLOR เติบโต 23% YoY ใน 1Q67 ดีกว่าเป้าที่บริษัทวางไว้ในปี 2567 ที่ 10-20% บริษัทเพิ่งปรับเปลี่ยนแบรนด์ธุรกิจนายหน้าประกันภัยเป็น “ประกันติดโล่” เราคาดว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะช่วยให้ลูกค้าจดจำ แบรนด์ได้ดีขึ้นและยอดขายเบี้ยประกันเพิ่มขึ้น ดังนั้นเราจึงปรับประมาณการการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการในปี 2567 เพิ่มขึ้นจาก 18% เป็น 19% ปรับโครงสร้างองค์กรเป็นโฮลดิ้งส์= มีโอกาสเพิ่มอัตราการจ่ายเงินปันผล TIDLOR อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างองค์กรเป็นโฮลดิ้งส์ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จใน 4Q67 บริษัทวางแผนจัดตั้งบริษัทใหม่ (NewCo) ภายใต้ ติดล้อ โฮลดิ้งส์ เพื่อดำเนินการแพลตฟอร์ม InsurTech การปรับโครงสร้างองค์กรครั้งนี้จะเป็นการปูทางไปสู่การจ่ายปันผลเป็นเงินสดแทนการจ่ายหุ้นปันผล และทำให้มีโอกาสที่บริษัทจะจ่ายเงินปันผลในอัตราสูงกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ในปี 2567 ที่ 20% กำไรมีแนวโน้มฟื้นตัวดี เราคาดว่ากำไรจะเติบโตในอัตราเร่งตัวขึ้นจาก 4% ในปี 2566 สู่ 22% (+18% สำหรับ EPS) ในปี 2567 โดยได้รับการสนับสนุนจาก credit cost ที่ลดลง สินเชื่อที่เติบโตดี และรายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโตดี แม้ว่า NIM จะลดลง คงคำแนะนำ OUTPERFORM และราคาเป้าหมายไว้ไม่เปลี่ยนแปลง เรายังคงคำแนะนำ OUTPERFORM สำหรับ TIDLOR และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 27 บาท (ที่ PBV 2.4 เท่า อ้างอิง ROE ระยะยาวที่ 17% cost of equity ที่ 9.4% และการเติบโตระยะยาวที่ 4%) หรือ PE ปี 2567 ที่ 17 เท่า เนื่องจากเราคาดว่ากำไรจะฟื้นตัวดีในปี 2567 และปี 2568 โดยได้รับการสนับสนุนจาก credit cost ที่ลดลง ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ: 1) ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ทั่วถึง 2) ความเสี่ยงด้าน credit cost จากราคารถมือสองที่ลดลง 3) การแข่งขันที่สูงขึ้นจากธนาคารต่างๆ 4) ความเสี่ยงด้านกฎหมาย และ 5) ความเสี่ยง ESG จาก market conduct | |||
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก TIDLOR240517_T
|