Keyword
Company Update

บทวิเคราะห์รายบริษัท : TIDLOR

28 Feb 23 9:00 AM
tidlor-20240911221627

หลังการประชุมนักวิเคราะห์ เราปรับเรทติ้งสำหรับ TIDLOR ลดลงจาก NEUTRAL สู่ UNDERPERFORM และปรับราคาเป้าหมายลดลงจาก 30 บาท สู่ 25 บาท เนื่องจากเราปรับประมาณการกำไรปี 2566 ลดลง 14% และปี 2567 ลดลง 15% เพื่อสะท้อนเป้าหมายปี 2566 ที่แย่กว่าคาด โดยเฉพาะ credit cost และการเติบโตของสินเชื่อ

ปรับประมาณการ credit cost เพิ่มขึ้น เราปรับประมาณการ credit cost ในปี 2566 และปี 2567 ของ TIDLOR เพิ่มขึ้นจาก 3% สู่ 3.5% เพื่อสะท้อนเป้าหมายของบริษัท สำหรับปี 2566 TIDLOR คาดว่า credit cost จะเพิ่มขึ้นสู่ 3-3.5% เพื่อรองรับการตัดหนี้สูญมากขึ้นและขาดทุนจากการผิดนัดชำระหนี้บริษัทคาดว่า credit cost จะอยู่ในระดับสูงที่ราว 4% ใน 1Q66 ก่อนที่จะลดลงในเวลาต่อมา และ NPL จะทำจุดสูงสุดใน 2Q66-3Q66 โดยตั้งเป้าคงอัตราส่วน NPL ไว้ที่ระดับไม่เกิน 2% เทียบกับ 1.6% ณ สิ้นปี 2565 คุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทจะได้รับแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และการยกเลิกมาตรการพักชำระหนี้ (ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อรถบรรทุก)

การเติบโตของสินเชื่อจะชะลอตัวลง เราปรับประมาณการการเติบโตของสินเชื่อสำหรับปี 2566 ลดลงจาก 24% สู่ 19% และปี 2567 ลดลงจาก 22% สู่ 18% เพื่อสะท้อนเป้าหมายของบริษัท TIDLOR ตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อที่ 10-20% ในปี 2566 เทียบกับ 32% ในปี 2565 บริษัทวางแผนชะลอการขยายสาขาในปี 2566 หลังจากเร่งขยายสาขาเพิ่ม 342 สาขา ในปี 2565 (เทียบกับ +210 สาขา ในปี 2564) ส่งผลทำให้บริษัทมีสาขารวมทั้งหมด 1,628 สาขา ณ สิ้นปี 2565 บริษัทจะระงับการเปิดสาขาเพิ่มใน 1H66

NIM จะแคบลง TIDLOR คาดว่าต้นทุนทางการเงินจะเพิ่มขึ้นราว 50 bps ในปี 2566 บริษัทต้องการคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไว้ไม่เปลี่ยนแปลงเพื่อควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ เมื่อพิจารณาจากสถานะทางการเงินที่เปราะบางของลูกค้า เราคาดว่า NIM จะลดลง 31 bps ในปี 2566

ธุรกิจนายหน้าประกันภัยจะชะลอตัวลง แต่ยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง TIDLOR ตั้งเป้ายอดขายเบี้ยประกันวินาศภัยเติบโต 20-25% ในปี 2566 ชะลอตัวลงจาก 34% ในปี 2565 ซึ่งสอดคล้องกับประมาณการของเราที่ 24% ในปี 2566

อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้จะลดลงตามเป้า TIDLOR คาดว่าอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้จะลดลงต่อเนื่องจาก 56% ในปี 2565 สู่ราว 55% ในปี 2566 ตามเป้าหมายระยะ 3 ปีของบริษัท ซึ่งสอดคล้องกับประมาณการของเรา

ปรับเรทติ้งลงสู่ UNDERPERFORM และปรับราคาเป้าหมายลดลง เราปรับประมาณการกำไรปี 2566ลดลง 14% และปี 2567 ลดลง 15% เพื่อสะท้อนเป้าหมายปี 2566 ที่แย่กว่าคาด โดยเฉพาะ credit cost และการเติบโตของสินเชื่อ ดังนั้นเราจึงปรับราคาเป้าหมายลดลงจาก 30 บาท สู่ 25 บาท (PBV 2.4 เท่า หรือ PE 19 เท่า สำหรับปี 2566) และปรับเรทติ้งลดลงจาก NEUTRAL สู่ UNDERPERFORM

ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ: 1) ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากเงินเฟ้อสูงและแนวโน้มที่เศรษฐกิจจะเติบโตช้ากว่าคาด 2) ความเสี่ยงด้าน NIM จากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และ 3) การแข่งขันที่สูงขึ้นจากธนาคารพาณิชย์

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5