เรายังคงคำแนะนำ tactical call สำหรับ VCOM ไว้ที่ NEUTRAL โดยปรับราคาเป้าหมายใหม่เป็น 4.9 บาท (จาก 5.6 บาท) โดยปรับลด PE อ้างอิงปี 2566 เป็น 12 เท่า (-0.5SD จาก PE เฉลี่ยในอดีต) จากเดิม 13.9 เท่า โดยเราเชื่อว่า VCOM ควรถูก de-rate เนื่องจากความเชื่อมั่นที่มีต่อหุ้นเทคโนโลยีปรับตัวลดลง อีกทั้ง VCOM ยังขาดปัจจัยกระตุ้นด้านผลประกอบการ เนื่องจากเราคาดว่ากำไร 1Q66 จะลดลง QoQ และ YoY ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ สถานการณ์ขาดแคลนชิปที่เลวร้ายลง เงินบาทอ่อนค่า และเศรษฐกิจกลุ่มประเทศ CLM อ่อนแอ
สรุปผลประกอบการ 4Q65 VCOM รายงานกำไรสุทธิ 4Q65 จำนวน 24 ลบ. ลดลง 12.8% QoQ และ 11.5% YoY กำไรสุทธิที่ลดลง YoY เป็นเพราะบริษัทบันทึกกำไรที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจำนวน 13 ลบ. จากการเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์สุทธิของบริษัทร่วม (M Intelligence) ใน 4Q64 กำไรปกติอยู่ที่ 24 ลบ. เพิ่มขึ้น 9.3% QoQ และ 77.7% YoY กำไรปกติที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง YoY เกิดจากฐานต่ำใน 4Q64 รายได้อยู่ที่ 538 ลบ. เพิ่มขึ้น 8.2% QoQ และ 53.7% YoY รายได้ที่เติบโต QoQ เป็นเพราะมีการส่งมอบโครงการมากขึ้นใน 4Q65 ในขณะที่รายได้ที่เติบโต YoY เกิดจากฐานต่ำ อัตรากำไรขั้นต้นลดลง QoQ สู่ 19.6% จาก 20.7% ใน 3Q65 กำไรปกติปี 2565 อยู่ที่ 104 ลบ. ลดลง 7.7% YoY ซึ่งเป็นไปตามที่เราคาดการณ์ VCOM ประกาศจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.18 บาท/หุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 10 มี.ค.
เป้าหมายทางการเงินปี 2566 ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% สู่ 2.2 พันลบ. ในปี 2566 โดยได้แรงหนุนจากธุรกิจ cybersecurity และบริการงานเฉพาะทางที่ต้องใช้ความชำนาญจากผู้เชี่ยวชาญ (บริการ on-demand IT) ซึ่งคล้ายกับบริการซ่อมแซมบ้าน บริการงานเฉพาะทางที่ต้องใช้ความชำนาญจากผู้เชี่ยวชาญมีมาร์จิ้นสูง เนื่องจากมีต้นทุนส่วนเพิ่มที่จำกัด อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 20.1% สู่ 22% เราใช้สมมติฐานว่ารายได้จะเติบโต 7% และอัตรากำไรขั้นต้นที่ 20.9% เราเชื่อว่าการตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% เป็นสิ่งที่ท้าทาย เนื่องจากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รายได้มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 4.3% ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นสูงที่สุดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 21.7% ดังนั้นเราจึงคาดการณ์กำไรปี 2566 ที่ 125 ลบ. เติบโต 13.4%
คาดกำไร 1Q66 ลดลง QoQ และ YoY เนื่องจากโดยปกติแล้วไตรมาส 4 เป็น peak season เราจึงคาดว่ากำไร 1Q66 จะลดลง QoQ ขณะที่เมื่อเทียบ YoY อัตรากำไรขั้นต้นใน 1Q65 อยู่ในระดับสูง เนื่องจากมีการรับรู้รายได้จากโครงการที่มีมาร์จิ้นสูง ซึ่งเราไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นอีกใน 1Q66 ดังนั้นกำไรจะลดลง YoY
ปัจจัยเสี่ยงและความกังวล ปัญหาอุปทานหยุดชะงักที่เลวร้ายลงจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจ Oracle ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน ~60% ของรายได้ นอกจากนี้ เศรษฐกิจที่อ่อนแอในกลุ่มประเทศ CLM จะสร้างแรงกดดันต่อผลประกอบการ เนื่องจากสามประเทศนี้คิดเป็น ~20% ของรายได้ การกลับมาอ่อนค่าอีกครั้งของเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐจะสร้างแรงกดดันต่ออัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจ cybersecurity