Keyword
Bites for Breakfast

Bites for Breakfast - เรื่องต้องรู้ ก่อนเทรด วันนี้ 6 ส.ค. 2568

6 Aug 25 7:30 AM
Bites-Thumbnail-01
สรุปสาระสำคัญ

1. หุ้นสหรัฐปรับลงหลังข้อมูลภาคบริการชะลอ เพิ่มความกังวลต่อท่าทีเฟด

2. ทรัมป์เตรียมประกาศเก็บภาษีนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์–ยา ในสัปดาห์หน้า

3. อินเดียเร่งรับมือผลกระทบ หลังทรัมป์เตรียมขึ้นภาษีภายใน 24 ชั่วโมง

4. รัสเซียพิจารณาข้อเสนอหยุดโจมตีทางอากาศยูเครน เพื่อบรรเทาความกดดันจากสหรัฐ

5. หุ้นเวียดนามพุ่ง 22% (YTD) จากแรงซื้อรายย่อย–คาด FTSE อัปเกรดสู่ตลาด EM

6. Pfizer เจรจารัฐบาลทรัมป์เรื่องภาษีนำเข้ายาและนโยบายราคา MFN

7. รัฐบาลไทยเตรียมหารือกับบริษัทชั้นนำระดับโลกที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศ

8. คลังหาแนวทางบรรเทาผลกระทบต่อกลุ่มอุตฯ ที่ได้รับผลกระทบจากภาษี

Bites for Breakfast - เรื่องต้องรู้ ก่อนเทรด วันนี้ 6 ส.ค. 2568

 

Bites for Breakfast

By INVX Investment Products & Strategy
06 August 2025

 

1. ดัชนี S&P 500 ลดลง 0.5% หลังดัชนีภาคบริการ ISM ร่วงสู่ 50.1 ต่ำกว่าคาด สะท้อนดีมานด์อ่อนแรงและต้นทุนยังสูง ทำให้นักลงทุนกังวลต่อความท้าทายเฟดในการลดดอกเบี้ย ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 2 ปีดีดขึ้น 4bps สู่ 3.72% และพันธบัตร 10 ปีทรงตัวที่ 4.20% หุ้นกลุ่มชิปปรับลงกว่า 1% จากความกังวลภาษีเซมิคอนดักเตอร์ที่ ปธน. ทรัมป์ เตรียมประกาศเก็บสัปดาห์หน้า แม้ AMD ให้คาดการณ์รายได้ดีกว่าคาด น้ำมัน WTI ร่วง 1.7% แตะ 65.14 ดอลลาร์/บาร์เรลจากข่าวรัสเซียพิจารณาหยุดยิงกับยูเครน ขณะที่ทองคำขยับขึ้น 0.2%

 

2. ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ เผยเตรียมประกาศเก็บภาษีนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์และยาภายใน “สัปดาห์หน้า” โดยภาษียาจะเริ่มที่ระดับต่ำและเพิ่มเป็น 150% ภายใน 1–1.5 ปี ก่อนพุ่งถึง 250% เพื่อดึงการผลิตกลับสหรัฐ ฝั่งเซมิคอนดักเตอร์กระทรวงพาณิชย์กำลังสอบสวนตลาดเพื่อตั้งฐานเก็บภาษี ซึ่งอาจเพิ่มต้นทุนให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ เช่น Microsoft, Meta, Amazon และ OpenAI ที่พึ่งพาชิปขั้นสูงอย่างมาก มาตรการนี้ต่อยอดแนวทางเก็บภาษีรถยนต์ เหล็ก และอะลูมิเนียมที่ทรัมป์ดำเนินมาก่อนหน้า ทั้งนี้  ราคาหุ้นทั้งสองกลุ่มตอบสนองต่อข่าวนี้ค่อนข้างจำกัด สะท้อนว่าตลาดรับรู้ต่อประเด็นนี้ไปแล้วพอสมควร

 

3. รัฐบาลอินเดียเตรียมมาตรการบรรเทาผลกระทบ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศจะขึ้นภาษีสินค้าส่งออกอินเดียเกิน 25% ภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อตอบโต้การซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ทำให้ความสัมพันธ์การค้าสหรัฐ–อินเดียตึงเครียด กระทรวงพาณิชย์อินเดียหารือช่วยเหลือผู้ส่งออกกลุ่มอัญมณี สิ่งทอ และอาจเพิ่มงบสนับสนุนส่งออก ขณะเดียวกันค่าเงินรูปีอ่อนค่ามากสุดเป็นประวัติการณ์หลังเผชิญแรงกดดันต่อเนื่องจากความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์และเงินทุนต่างชาติไหลออก โดยช่องว่างดอกเบี้ย RBI–เฟดที่แคบลงทำให้การตรึงค่าเงินทำได้ยาก

 

4. รัสเซียกำลังพิจารณาข้อเสนอ “หยุดยิงทางอากาศ” ต่อยูเครน เช่น การระงับการโจมตีด้วยโดรนและขีปนาวุธชั่วคราว เพื่อเป็นสัญญาณลดความตึงเครียดและหวังเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐ ขณะเตรียมพบตัวแทนพิเศษของ ปธน. ทรัมป์ ในมอสโก อย่างไรก็ตาม ปธน. วลาดิเมียร์ ปูติน ยังคงยืนยันไม่ยอมรับการหยุดยิงทั่วไป และเดินหน้าบรรลุเป้าหมายสงครามที่รวมถึงการให้ยูเครนยอมรับการผนวกดินแดน ขณะที่สหรัฐเตรียมเก็บภาษีเพิ่มต่อประเทศที่ซื้อน้ำมันรัสเซียในสัปดาห์นี้เพื่อกดดันให้รัสเซียยุติสงคราม

 

5. ดัชนี VN พุ่ง 22% ตั้งแต่ต้นปี ทำจุดสูงสุดใหม่ในภูมิภาค หนุนโดยแรงซื้อจากนักลงทุนรายย่อยและกระแสคาดการณ์ว่า FTSE จะอัปเกรดตลาดเวียดนามเป็น “Emerging Markets” ในเดือนก.ย. ขณะเดียวกันต่างชาติกลับเข้าซื้อสุทธิ 298 ล้านดอลลาร์ในก.ค. JPMorgan ปรับคำแนะนำหุ้นเวียดนามเป็น Overweight และตั้งเป้าดัชนีสิ้นปีที่ 1,600 จุด อย่างไรก็ตาม ความร้อนแรงของตลาดทำให้มาร์จิ้นพุ่งสู่ระดับสูงสุด 10.9 พันล้านดอลลาร์ และนักวิเคราะห์เตือนความเสี่ยงต่อการปรับฐานหาก Sentiment สะดุด โดยเราประเมินว่าตลาดหุ้นเวียดนามยังมีโมเมนตัมไปต่อได้อย่างน้อยจนถึงช่วงลุ้นผลการพิจารณาอัปเกรดของ FTSE ต้นเดือนก.ย.

 

6. Pfizer เปิดเผยว่ากำลังหารือกับรัฐบาลสหรัฐเรื่องภาษีนำเข้ายาที่อาจสูงถึง 250% โดยคาดว่าจะเริ่มในอัตราต่ำพร้อมช่วงเวลาผ่อนผัน และกำลังรอรายละเอียดสำคัญ เช่น การกำหนดถิ่นกำเนิดสินค้าจากจุดผลิตขั้นสุดท้ายหรือแหล่งผลิตสารตั้งต้น (API) นอกจากนี้ Pfizer ยังเตรียมรับมือกับนโยบายกำหนดราคายา Medicare/Medicaid ตามหลัก Most Favored Nations (MFN) ซึ่งจะบังคับให้ราคายาต้องสอดคล้องกับราคาที่จ่ายในประเทศพัฒนาแล้ว ท่าทีผ่อนปรนระยะแรกของรัฐบาลสหรัฐช่วยลดแรงกดดันต่อกลุ่มยาสหรัฐ

 

7. วันนี้รัฐบาลไทยจะหารือกับบริษัทชั้นนำระดับโลกกว่า 30 บริษัทใน 4 อุตฯ (เซมิคอนดักเตอร์, EV, Data Center และ BCG) ที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและทิศทางดำเนินนโยบาย และเปิดโอกาสให้นักลงทุนแลกเปลี่ยนความเห็นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นดำเนินธุรกิจ

 

8. คลังเตรียมพิจารณารายกลุ่มอุตฯ ที่ได้รับผลกระทบจากภาษีศุลกากรสหรัฐฯ ที่ 19% เพื่อหาแนวทางบรรเทาผลกระทบ ก่อนเสนอให้ คกก. นโยบายกระตุ้น ศก. และ ครม. พิจารณาต่อไป ภายใต้วงเงินกระตุ้น ศก. จากงบปี 68 ที่เหลืออยู่ 2.4 หมื่นลบ. และอีก 2.5 หมื่นลบ. จากงบปี 69
 
ประเด็นที่ต้องติดตาม: Retail Sales MoM ของยุโรป เดือน มิ.ย. คาดว่าจะออกมาที่ 0.3% จากก่อนหน้าที่ -0.7% และ RBI Interest Rate Decision

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5