Keyword
Bites for Breakfast

Bites for Breakfast - เรื่องต้องรู้ ก่อนเทรด วันนี้ 21 ส.ค. 2568

21 Aug 25 7:30 AM
Bites-Thumbnail-01
สรุปสาระสำคัญ

1. หุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลง นักลงทุนโยกเงินเข้าพันธบัตร จับตาถ้อยแถลงพาวเวล

2. Fed Minutes ชี้เฟดกังวลเงินเฟ้อมากกว่าตลาดแรงงาน นักลงทุนรอดูพาวเวลที่ Jackson Hole

3. Fed’s Cook ยืนยันไม่ลาออกแม้ถูกทรัมป์กดดัน

4. แรงซื้อหุ้นจีนขยายวงกว้าง หนุนโมเมนตัมขาขึ้นต่อเนื่อง

5. เงินเฟ้อ UK เพิ่มขึ้นแตะ 3.8% แต่ยังไม่ปิดโอกาส BOE ลดดอกเบี้ย

6. อินโดนีเซียลดดอกเบี้ยเหลือ 5% ต่อเนื่อง 2 เดือนติด กังวลเศรษฐกิจโตต่ำ

7. รมว. คัลงไทยเตรียมเจรจากับสหรัฐฯ เกี่ยวกับรายละเอียดของสินค้าไทยที่จะถูกเรียกเก็บภาษี

8. รองผู้ว่าฯ ธปท. ส่งสัญญาณว่าการปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมจะเกิดขึ้นต่อเมื่อ ศก. แย่ลงอย่างมีนัยยะ

Bites for Breakfast - เรื่องต้องรู้ ก่อนเทรด วันนี้ 21 ส.ค. 2568

 

Bites for Breakfast
By INVX Investment Products & Strategy
21 August 2025

 

1. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบต่อเนื่อง โดย S&P 500 ร่วง 0.2% และ Nasdaq 100 ลบ 0.6% กดดันจากการปรับฐานของหุ้นเทคขนาดใหญ่ที่ร่วง 4 วันติด นักลงทุนหันเข้าพันธบัตร หนุนบอนด์ยีลด์ 10 ปี ลดลง 2bps สู่ 4.28% ขณะที่ดอลลาร์แกว่งแคบ เยนและหยวนทรงตัว ราคาน้ำมัน WTI บวก 0.3% ปิด $62.9 ส่วนทองคำแทบไม่เปลี่ยนแปลง ตลาดรอถ้อยแถลงพาวเวลในการประชุม Jackson Hole เพื่อประเมินทิศทางดอกเบี้ย

 

2. รายงานการประชุม FOMC วันที่ 29–30 ก.ค. ระบุว่า กรรมการส่วนใหญ่เห็นว่า ความเสี่ยงเงินเฟ้อมีน้ำหนักมากกว่าตลาดแรงงาน ท่ามกลางแรงกดดันจากภาษี โดยหลายคนชี้ว่าเงินเฟ้อที่ยืดเยื้อมานานเกิน 2% อาจทำให้ความคาดหวังเงินเฟ้อระยะยาวฝั่งราก หากผลกระทบจากภาษียังคงอยู่ ขณะที่เฟดยังคงดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25–4.5% แม้การจ้างงานอ่อนแรงและว่างงานขยับสู่ 4.2% นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของพาวเวลที่ Jackson Hole ท่ามกลางความกังวล มูลค่าสินทรัพย์ในตลาดสูงเกินจริง

 

3. ลิซา คุก กรรมการเฟดประกาศจะไม่ลาออกจากตำแหน่ง แม้ถูกประธานาธิบดีทรัมป์กดดันให้ลงจากตำแหน่งหลังถูกกล่าวหาว่ามีปัญหาเรื่องสินเชื่อบ้าน โดยคุกระบุว่าจะชี้แจงข้อเท็จจริงอย่างเป็นทางการและไม่ยอมถูก “บูลลี่” ทางการเมือง ด้าน Bill Pulte ผอ.หน่วยงาน FHFA ส่งหนังสือถึงกระทรวงยุติธรรมให้สอบสวนกรณีดังกล่าว ขณะที่ทรัมป์ใช้โอกาสนี้เพิ่มแรงกดดันต่อเฟด หลังวิจารณ์มานานว่าควรลดดอกเบี้ยเร็วกว่านี้ ประเด็นนี้สะท้อนความเสี่ยงทางการเมืองที่เข้ามาแทรกแซงความเป็นอิสระของเฟด อาจสร้างความผันผวนต่อ bond yields และค่าเงินดอลลาร์ หากตลาดมองว่าเฟดอาจถูกบีบให้ผ่อนคลายนโยบายการเงินเร็วขึ้น

 

4. หุ้นจีนยังคงฟื้นตัวแรง โดยดัชนี Shanghai พุ่งแล้วกว่า 22% จากจุดต่ำสุดเดือนเมษายน ขณะที่ breadth ตลาดกว้างขึ้น หุ้นจำนวนมากทำจุดสูงสุดรอบ 1 ปี และเกือบ 90% ของหุ้นในตลาดซื้อขายเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน สะท้อนความเชื่อมั่นฟื้นกลับมา การหมุนเงินเข้าสู่หุ้นที่มีคุณภาพชัดเจนขึ้น โดย turnover หุ้นขนาดเล็กเก็งกำไร (CSI 2000) ลดลงเหลือเพียง 25% ของมูลค่าซื้อขายรวม ขณะที่การซื้อขายหุ้นขนาดกลางกลุ่ม CSI 500 มูลค่าซื้อขายรวมทะลุ 2 ล้านล้านหยวนต่อเนื่อง 5 วัน  แรงซื้อที่กระจายตัวกว้างขึ้น บ่งชี้ว่า rally ของหุ้นจีนรอบนี้มีคุณภาพ สะท้อนความเชื่อมั่นต่อตลาดหุ้นจีน หนุนโมเมนตัมเชิงบวกต่อ A-shares

 

5. เงินเฟ้อเดือนก.ค. ของอังกฤษเร่งขึ้นสู่ 3.8% จาก 3.6% สูงกว่าคาด แต่สอดคล้องกับประมาณการล่าสุดของ BOE โดยแรงกดดันหลักมาจากค่าโดยสารเครื่องบินพุ่ง 30% และอาหาร–เครื่องดื่ม 4.9% อย่างไรก็ดี Core inflation ชะลอลงต่อเล็กน้อย ทำให้ Bloomberg Economics ยังมองว่า BOE มีโอกาสลดดอกเบี้ยอีกครั้งในพฤศจิกายน แม้การตัดสินใจจะท้าทายท่ามกลางเงินเฟ้อใกล้ 4%

 

6. ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) ปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เหลือ 5% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง แม้เศรษฐกิจ Q2 โตดีกว่าคาด แต่ยังมี output gap และการปล่อยกู้โตเพียง 7% ต่ำสุดรอบ 3 ปี ขณะที่อัตราว่างงานภาคการผลิต–การบริโภคยังอ่อนแรง BI ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยต่อเพื่อพยุงเศรษฐกิจ สอดรับนโยบายการคลังของ ปธน.ปราโบโวที่ตั้งเป้า GDP ปี 2026 โต 5.4% การลดดอกเบี้ยต่อเนื่องของ BI สะท้อนแนวโน้มธนาคารกลางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังผ่อนคลายนโยบายการเงิน เพื่อพยุงเศรษฐกิจเป็นสัญญาณบวกต่อ สภาพคล่องในภูมิภาค

 

7. รมว. คลังไทยคาดว่าในสัปดาห์หน้าจะมีการเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐฯ เกี่ยวกับรายละเอียดของสินค้าไทยที่จะถูกสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีตอบโต้อัตรา 19% ซึ่งส่วนหนึ่งจะถูกพิจารณาผ่านเกณฑ์สัดส่วน Local Content ว่าจะเป็นอัตราใด หากไม่สามารถตกลงกันได้ อาจทำให้สินค้าไทยเหล่านั้นถูกมองเป็นสินค้าสวมสิทธิ์ที่จะถูกเรียกเก็บในอัตรา 40%

 

8. รองผู้ว่าฯ ธปท. ให้สัมภาษณ์ Bloomberg TV ว่าการปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมจากปัจจุบันที่ระดับ 1.5% จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ ศก. แย่ลงอย่างมีนัยยะฯ หรือเกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง และเผยเหตุผลการลดดอกเบี้ยในการประชุม กนง. ครั้งก่อนว่าเป็นผลจากภาวะการเงินที่ตึงตัวและความชัดเจนของมาตรการภาษีศุลกากรสหรัฐฯ มากขึ้น
 
ประเด็นที่ต้องติดตาม: HSBC Manufacturing PMI Flash ของอินเดีย เดือน ส.ค. คาดว่าจะออกมาที่ 60.5 จากก่อนหน้าที่ 59.1, HCOB Manufacturing PMI Flash ของยุโรป เดือน ส.ค. คาดว่าจะออกมาที่ 49.7 จากก่อนหน้าที่ 49.8, Initial Jobless Claims ของสหรัฐฯ, S&P Global Manufacturing PMI Flash ของสหรัฐฯ เดือน ส.ค. คาดว่าจะออกมาที่ 49.7 จากก่อนหน้าที่ 49.8 และ Consumer Confidence Flash ของยุโรป เดือน ส.ค. คาดว่าจะออกมาที่ -14.4 จากก่อนหน้าที่ -14.7

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5