Keyword
Bites for Breakfast

Bites for Breakfast - เรื่องต้องรู้ ก่อนเทรด วันนี้ 22 ส.ค. 2568

22 Aug 25 7:30 AM
Bites-Thumbnail-01
สรุปสาระสำคัญ

1. หุ้นสหรัฐฯ ร่วงต่อเนื่องก่อนถ้อยแถลงพาวเวล - ตลาดลดความหวังลดดอกเบี้ย

2. สหรัฐฯ-อียูเดินหน้าข้อตกลงการค้า ลดภาษีรถยนต์-ขยายความร่วมมือเศรษฐกิจ

3. ยูโรโซน PMI เดือนส.ค. แสดงสัญญาณฟื้นตัว แม้เจอแรงกดดันจากภาษีสหรัฐฯ

4. กังวลปัญหาการคลัง ดัน Bond yield ญี่ปุ่นอายุ 20 ปี พุ่งสูงสุดรอบ 26 ปี

5. Bond yield จีนพุ่ง สะท้อนความเชื่อมั่นเศรษฐกิจ หนุนแรงซื้อหุ้น

6. เศรษฐกิจอินเดียแข็งแกร่ง สวนแรงกดดันภาษีสหรัฐฯ

7. รัฐบาลไทยเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้สินประชาชน

8. ศาล รธน.ไต่สวนนายกฯ–เลขาฯ สมช.เสร็จสิ้น นัดปิดคดี 25 ส.ค. ก่อนชี้ชะตา 29 ส.ค.

Bites for Breakfast - เรื่องต้องรู้ ก่อนเทรด วันนี้ 22 ส.ค. 2568

 

Bites for Breakfast
By INVX Investment Products & Strategy
22 August 2025

 

1. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงต่อเนื่องก่อนการแถลงของประธานเฟด เจอโรม พาวเวล โดย S&P 500 ร่วง 0.4% ติดลบ 5 วันติดต่อกันยาวนานที่สุดตั้งแต่ ม.ค. ขณะที่ Nasdaq 100 ลดลง 0.5% และ Dow Jones -0.3% ส่วน Russell 2000 บวกเล็กน้อย 0.2% ผลผลิตภาคการผลิตขยายตัวแรงสุดตั้งแต่ปี 2022 กดดันให้บอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯ ขยับขึ้นสู่ 4.33% ทำให้นักลงทุนลดความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ย ก.ย. จากกว่า 90% เหลือราว 70% ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับยูโร ปอนด์ และเยน ขณะที่น้ำมัน WTI +1.1% และทองคำ -0.3%

 

2. สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปตกลงขั้นตอนใหม่ของข้อตกลงการค้า โดยเตรียมลดภาษีนำเข้ารถยนต์ยุโรปจาก 27.5% เหลือ 15% ภายในไม่กี่สัปดาห์ หากอียูเดินหน้ากฎหมายลดภาษีสินค้าอุตสาหกรรมสหรัฐฯ พร้อมเปิดตลาดสินค้าเกษตรและอาหารทะเลบางชนิด ข้อตกลงยังครอบคลุมความร่วมมือด้านเหล็กและอะลูมิเนียมผ่านระบบโควตา การค้าเชิงดิจิทัล และมาตรฐานสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ อียูยังให้คำมั่นซื้อสินค้า AI chips จากสหรัฐฯ มูลค่าอย่างน้อย 40,000 ล้านดอลลาร์ ความร่วมมือช่วยบรรเทาความกังวลสงครามการค้าหนุน sentiment เชิงบวกต่อตลาดการลงทุน

 

3. ดัชนี PMI รวมยูโรโซนเดือนส.ค. ขยับขึ้นที่ 51.1 จาก 50.9 ในก.ค. สูงกว่าคาดเล็กน้อย บ่งชี้การฟื้นตัวเล็กน้อย โดยอุตสาหกรรมการผลิตกลับมาขยายตัวที่ 50.5 แม้เผชิญแรงกดดันจากภาษีสหรัฐฯ ขณะที่บริการชะลอลงเล็กน้อยที่ 50.7 ด้านเยอรมนีและฝรั่งเศสตัวเลขออกมาดีกว่าคาดเล็กน้อย แต่คำสั่งซื้อส่งออกใหม่ยังอ่อนแอ สะท้อนผลกระทบจากการค้าโลกต่อเนื่อง การฟื้นตัวช่วยพยุง sentiment ตลาดยุโรปในระยะสั้น แต่นักลงทุนอาจเน้นในหุ้นกลุ่มอิงดีมานด์ภายในประเทศจากสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ

 

4. อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 20 ปี พุ่งแตะ 2.65% สูงสุดตั้งแต่ปี 1999 ส่วนบอนด์ 10 ปีขึ้นไปถึง 1.61% สูงสุดตั้งแต่ปี 2008 และบอนด์ 30 ปีใกล้ชนจุดสูงสุดตลอดกาล 3.2% เหตุจากความกังวลการคลังขาดดุล-อัดฉีดงบหลังพรรครัฐบาลแพ้เลือกตั้งสว. ช่วงเดือน ก.ค. และแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติที่ชะลอซื้อบอนด์ระยะยาว ส่งผลให้นักลงทุนคาด BOJ อาจถูกกดดันขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น เราประเมินการดีดตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ญี่ปุ่นอาจสร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นในระยะสั้น หลังจากที่ดัชนีปรับตัวขึ้นได้ดีในช่วงที่ผ่านมา

 

5. อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลจีนอายุ 30 ปีดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุด ตั้งแต่เดือน ธ.ค. ปี 2024 สะท้อนมุมมองเชิงบวกของนักลงทุนต่อแนวโน้มเศรษฐกิจจีน หลังรัฐบาลมีความพยายามออกมาตรการกระตุ้นและแก้ปัญหาเงินฝืด ขณะที่ดัชนี CSI300 ปรับขึ้นแรงควบคู่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลจีน แสดงถึงการโยกย้ายเงินทุนจากบอนด์เข้าสู่หุ้น ซึ่งการดีดตัวพร้อมกันของ Bond yield และตลาดหุ้นชี้ว่าความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจจีนกำลังฟื้น หนุน sentiment บวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง

 

6. ดัชนี PMI เดือนส.ค. ของอินเดียขยายตัวแรงกว่าคาด โดย Manufacturing PMI ขยับขึ้นเป็น 59.8 จาก 59.1 ส่วน Services PMI พุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 65.6 ส่งผลให้ Composite PMI ขึ้นแตะ 65.2 สูงสุดนับตั้งแต่เริ่มเก็บข้อมูลปี 2005 แม้สหรัฐฯ โดย ปธน.ทรัมป์ กำลังจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าอินเดียเป็น 50% ก็ตาม เศรษฐกิจยังได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขณะที่กำไรบริษัทปรับดีขึ้นจากราคาสินค้าขายที่เพิ่มขึ้นเร็วกว่าต้นทุน ข้อมูล PMI ที่แข็งแกร่งสะท้อนความทนทานของเศรษฐกิจอินเดีย และช่วยหนุน sentiment เชิงบวกต่อหุ้นอินเดีย

 

7. นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้สินประชาชน เห็นควรให้ทบทวนเงื่อนไขบางประการของโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ให้มีประสิทธิภาพและครอบคลุมมากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจเช่าซื้อ โดยเสนอยกเลิกการคิดดอกเบี้ยแบบเงินต้นคงที่ (Flat Rate) ซึ่งนำดอกเบี้ยในอนาคตเข้าไปรวมไว้ด้วยแล้วเปลี่ยนเป็นการลดต้นลดดอก (Effective Rate)

 

8. ศาล รธน. ไทย ได้ไต่สวนนายกฯ และเลขาฯ สมช. ในคดีที่ขอให้วินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของนายกฯ กรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จ ฮุนเซ็น เสร็จสิ้นแล้ว และได้ขยับนัดคู่กรณียื่นคำแถลงปิดคดีในวันที่ 25 ส.ค. นี้ ก่อนที่ศาล รธน. จะลงมติและอ่านคำวินิจฉัยตามเดิมในวันที่ 29 ส.ค. นี้
 
ประเด็นที่ต้องติดตาม: Jackson Hole Symposium

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5