Keyword
Bites for Breakfast

Bites for Breakfast - เรื่องต้องรู้ ก่อนเทรด วันนี้ 2 ต.ค. 2568

2 Oct 25 7:30 AM
Bites-Thumbnail-01
สรุปสาระสำคัญ

1. หุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกต่อเนื่องวันที่ 4 ทองคำทำสถิติสูงสุด

2. ทรัมป์เล็งใช้ชัตดาวน์ปลดข้าราชการ–ตัดงบโครงการเดโมแครต

3. จ้างงานเอกชนสหรัฐฯ ADP ลดลง 32,000 ตำแหน่ง

4. หุ้นยายุโรปพุ่งแรง AstraZeneca นำตลาด ท่ามกลางกระแสลือย้ายจดทะเบียนไปสหรัฐฯ

5. ราคาบอนด์อินเดียปรับตัวขึ้น หลังผู้ว่าฯ RBI ส่งสัญญาณยีลด์มีโอกาสปรับลง

6. อินเดียเดินหน้าสู่ “Global Rupee” ขยายบทบาทเงินรูปีในเวทีโลก

7. ประธานเฟดสาขา Dallas เตือนเฟดควรระมัดระวังต่อการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม

8. รมว.คลังไทยเตรียมเสนอ “คนละครึ่งพลัส” วงเงิน 6.6 หมื่นลบ. เข้า ครม. สัปดาห์หน้า

Bites for Breakfast - เรื่องต้องรู้ ก่อนเทรด วันนี้ 2 ต.ค. 2568

 

Bites for Breakfast
By INVX Investment Products & Strategy
2 October 2025

1. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เดินหน้าทำสถิติใหม่ แม้รัฐบาลเข้าสู่ภาวะชัตดาวน์รอบแรกในรอบ 7 ปี โดย S&P 500 +0.3% และ Nasdaq 100 +0.5% นำโดยหุ้นเฮลท์แคร์จากดีล Pfizer–ทำเนียบขาว และหุ้นเทคฯ อย่าง Tesla, Nvidia ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ทรงตัว พันธบัตร 10 ปีแข็ง ยีลด์ลดลง 5 bps สู่ 4.10% สะท้อนแรงซื้อหลังตัวเลขจ้างงานเอกชน (ADP) ชี้การจ้างงานลดลง 32,000 ตำแหน่ง หนุนคาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ยอีกสองครั้งในปีนี้ ด้านทองคำแตะจุดสูงสุดใหม่ $3,867/ออนซ์ น้ำมัน WTI -0.6% ปิด $61.97 บิตคอยน์ +2.4% แตะ $117,390 และอีเธอร์ +3.3% ที่ $4,334

 

2. ทำเนียบขาวภายใต้ ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ วางแผนใช้ภาวะชัตดาวน์เพื่อลดขนาดราชการ โดยรัสเซล โวท์ ผอ.งบประมาณ แย้มว่าหน่วยงานบางแห่งอาจเริ่มเลิกจ้างพนักงานภายใน 1–2 วัน ขณะที่โฆษกทำเนียบขาวยืนยันว่า “การปลดพนักงานจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้” นอกจากนี้รัฐบาลยังสั่งระงับงบโครงสร้างพื้นฐานในนิวยอร์ก 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์ รวมถึงโครงการ Second Avenue Subway และ Hudson Tunnel ซึ่งกระทบฐานเสียงของเดโมแครต และเตรียมตัดงบพลังงานหมุนเวียนอีก 8 พันล้านดอลลาร์ในรัฐที่โหวตให้ คามาลา แฮร์ริส นักการเมืองทั้งสองฝ่ายกำลังหาทางออกเพื่อยุติวิกฤต แต่ทรัมป์ย้ำจะใช้การปิดหน่วยงานกดดันเดโมแครตให้ยอมอ่อนข้อ

 

3. รายงาน ADP ชี้การจ้างงานเอกชนสหรัฐฯ กันยายนลดลง 32,000 ตำแหน่ง หลังมีการปรับข้อมูลอิงกับสถิติแรงงานของ BLS ทำให้ตัวเลขถูกหั่นออกไปราว 43,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าคาดการณ์นักเศรษฐศาสตร์ทั้งหมด สะท้อนการชะลอตัวของตลาดแรงงาน แม้เศรษฐกิจไตรมาส 2 โตแรง Nela Richardson หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ADP ระบุว่า “นายจ้างยังระมัดระวังการจ้างงาน” ภาคท่องเที่ยว–บริการธุรกิจ–การเงิน รวมถึงก่อสร้างและผลิตสินค้าล้วนจ้างงานลด ขณะที่การศึกษาและสุขภาพยังขยายตัวเล็กน้อย ค่าจ้างพนักงานที่ย้ายงานโต 6.6% ต่ำสุดรอบปี ส่วนพนักงานเดิมได้เพิ่ม 4.5%

 

4. ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก ดัชนี Stoxx 600 +1.2% นำโดยหุ้นกลุ่มยา หลังปธน.ทรัมป์ประกาศแผนลดราคายาในสหรัฐฯ ส่งผลให้ AstraZeneca พุ่ง +11.2% ท่ามกลางข่าวลือว่าอาจย้ายการจดทะเบียนหลักจากลอนดอนสู่ตลาดหุ้นนิวยอร์ก เพื่อเข้าถึงนักลงทุนกว้างขึ้น ขณะที่ Roche +8.6%, Zealand Pharma +7.4% และ Novo Nordisk +6.4% ต่างปรับขึ้นเช่นกัน ด้าน Merck +10% หลังประกาศเปลี่ยนผู้บริหารสูงสุดปี 2026 และ Arcadis +9.4% จากแผนซื้อหุ้นคืน 175 ล้านยูโร ส่วนหุ้นกลาโหมยุโรปอ่อนตัว ขณะที่เงินเฟ้อโซนยูโร ก.ย. เพิ่มขึ้น 2.2%YoY ตรงตามคาดการณ์

 

5. พันธบัตรรัฐบาลอินเดียปรับขึ้นแรงสุดรอบ 1 เดือน หลังผู้ว่าการธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ซันเจย์ มัลโฮตรา ส่งสัญญาณว่ายีลด์อาจปรับลดลง โดยบอนด์ 10 ปีร่วง 6 bps แตะ 6.52% จากจุดสูงสุดวันเดียวที่ 6.61% การเคลื่อนไหวเกิดหลัง RBI คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 5.5% พร้อมปรับคาดการณ์เงินเฟ้อปีงบนี้ลงเหลือ 2.6% ทำให้นักลงทุนเชื่อว่าประตูสู่การลดดอกเบี้ยยังเปิดอยู่ ก่อนหน้านี้ยีลด์ไตรมาส ก.ย. พุ่งแรงสุดในรอบ 3 ปีจากการเปลี่ยนท่าทีเป็น “neutral” ล่าสุดรัฐบาลประกาศลดสัดส่วนการออกบอนด์อายุยาวในงวด ต.ค. 2025 – มี.ค. 2026 เพื่อบรรเทาความผันผวนตลาด

 

6. ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ประกาศมาตรการใหม่เพื่อเพิ่มการยอมรับเงินรูปีในตลาดโลก รวมถึงจัดทำอัตราอ้างอิง (reference rates) กับสกุลเงินคู่ค้าใหญ่ เช่น รูเปียห์อินโดนีเซีย และเดอร์แฮมสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นอกเหนือจากดอลลาร์ ยูโร ปอนด์ และเยนที่มีอยู่แล้ว RBI ยังขยายสิทธิ์ให้ยอดเงินรูปีในบัญชีการค้าพิเศษต่างประเทศใช้ซื้อพันธบัตรเอกชนและ commercial papers ได้ ไม่จำกัดแค่พันธบัตรรัฐบาล พร้อมอนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้เป็นรูปีให้กับภูฏาน ศรีลังกา และเนปาล ทั้งนี้ รูปีแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย 0.1% สู่ระดับ 88.71 ต่อดอลลาร์

 

7. ลอรี โลแกน ประธานเฟดสาขาดัลลัส ระบุว่าผู้กำหนดนโยบายควรระมัดระวังต่อการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม เพราะเงินเฟ้อยังสูงกว่าเป้าหมาย 2% และตลาดแรงงานยังคงทรงตัว เธอสนับสนุนการลดดอกเบี้ย 0.25% เมื่อต้นเดือน ก.ย. เพื่อประกันความเสี่ยงด้านการจ้างงาน แต่ชี้ว่า “มีพื้นที่จำกัดสำหรับการลดดอกเบี้ยต่อ” พร้อมเตือนว่าเงินเฟ้อภาคบริการไม่รวมที่อยู่อาศัยอาจทำให้เงินเฟ้อสูงกว่าระดับเป้าหมาย 30–40 bps ทั้งนี้ แม้คาดการณ์กลางของ FOMC ชี้ว่าจะลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ แต่มีเจ้าหน้าที่ถึง 9 คนที่เห็นว่าอาจลดเพียงครั้งเดียวหรือไม่ลดเลย

 

8. นายกฯ ไทยจะฟื้นการประชุม ครม. เศรษฐกิจในทุกช่วงบ่ายวันจันทร์ โดยจะเริ่มครั้งแรกใน 2 สัปดาห์ถัดจากนี้ ด้านรมว. คลังเผยจะเสนอหลักการโครงการ “คนละครึ่งพลัส” วงเงิน 6.6 หมื่นลบ. ในการประชุม ครม. สัปดาห์หน้า คาดจะเปิดให้ลงทะเบียนได้ช่วงวันที่ 20-26 ต.ค. และเริ่มใช้จ่ายได้ตั้งแต่ 29 ต.ค. – 31 ธ.ค. 2568 นอกจากนี้ รมว. คลังได้เตรียมมาตรการกระตุ้น ศก. อื่นๆ เช่น กระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรองผ่านการลดหย่อนภาษี, การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบภายรัฐ-วิสาหกิจ ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียด เบื้องต้นประเมินนโยบายกระตุ้นศก. ทั้งหมดจะหนุน 4Q68 GDP เติบโตได้เกิน 1% จากเดิม 0.3%
 
 
ประเด็นที่ต้องติดตาม: Unemployment Rate ของยุโรป เดือน ส.ค. คาดว่าจะออกมาที่ 6.2% จากก่อนหน้าที่ 6.2%และ Initial Jobless Claims ของสหรัฐฯ คาดว่าจะออกมาที่ 223.0K จากก่อนหน้าที่ 218K

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5