Bites for Breakfast

Bites for Breakfast - เรื่องต้องรู้ ก่อนเทรด วันนี้ 24 ต.ค. 2568

24 Oct 25 7:30 AM
Bites-Thumbnail-01
สรุปสาระสำคัญ

1. หุ้นโลกบวกต่อเนื่องรับข่าวทรัมป์และสี จิ้งผิงพบกัน ด้านน้ำมันพุ่งแรงหลังสหรัฐฯ-ยุโรปคว่ำบาตรรัสเซีย
2. ทรัมป์เตรียมพบสี จิ้นผิง ระหว่างเดินทางเยือนเอเชียสัปดาห์หน้า
3. จีนและอินเดียลดนำเข้าน้ำมันรัสเซีย หลังสหรัฐฯคว่ำบาตร ด้าน OPEC เตรียมชดเชยน้ำมัน
4. รัฐบาลผสมใหม่ญี่ปุ่นเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ไม่เดินตามรอย Abenomics 2.0
5. จีนวางแนวนโยบายเศรษฐกิจระยะ 5 ปีใหม่ เน้น “การพึ่งพาตนเองทางเทคโนโลยี” และ “การเติบโตที่มีคุณภาพสูง”

Bites for Breakfast
By INVX Investment Products & Strategy
24 October 2025


1. ดัชนี Dow Jones, S&P 500 และ Nasdaq ปิดบวกต่อเนื่อง ขานรับข่าวการพบกันระหว่างทรัมป์ และสี จิ้งผิง ซึ่งช่วยคลายความตึงเครียดด้านด้านการค้าลง หุ้นยุโรป STOXX 600 ปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีของสหรัฐฯ ขยับขึ้น 4.4 bps แตะ 3.995% นักลงทุนท่าทีเฟด ต่อการปรับลดดอกเบี้ย ส่วนทองคำปรับขึ้น 0.76% รับแรงซื้อจากความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ ด้านราคาน้ำมันปรับขึ้นกว่า 5% แตะระดับสูงสุดรอบสองสัปดาห์ หลังสหรัฐฯ และยุโรป ประกาศคว่ำบาตร Rosneft และ Lukoil บริษัทน้ำมันขนาดใหญ่ของรัสเซีย รวมถึงแบนการนำเข้า LNG จากรัสเซีย ส่งผลให้หุ้นกลุ่ม Energy ใน S&P 500 บวก 1.3%


2. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีกำหนดเดินทางเยือนเอเชียในสัปดาห์หน้า โดยจะออกเดินทางจากสหรัฐฯ คืนวันศุกร์ มีจุดหมายแรกคือมาเลเซีย ทั้งนี้ไฮไลต์สำคัญคือการพบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ซึ่งจะจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ประเทศเกาหลีใต้ การเยือนนี้เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจทูตหลายประเทศที่รวมถึงการเข้าพบกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนใหม่ในวันอังคารและผู้นำเกาหลีใต้ในวันพุธ โดยข่าวการพบปะระหว่างทรัมป์ และสี จิ้งผิงนี้ช่วยสนับสนุนบรรยากาศการลงทุนของนักลงทุน และคาดหวังว่าผู้นำทั้ง 2 ประเทศจะสามารถผ่อนคลายความขัดแย้งด้านการค้าได้


3. บริษัทน้ำมันรัฐวิสาหกิจของจีน เช่น PetroChina, Sinopec, CNOOC และ Zhenhua Oil ระงับการซื้อน้ำมันจากรัสเซีย หลังสหรัฐฯประกาศคว่ำบาตร Rosneft และ Lukoil ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซีย ขณะที่อินเดียซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรัสเซียรายใหญ่ เตรียมลดการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียเช่นกัน เพื่อปฏิบัติตามมาตรการคว่ำบาตร ส่งผลให้ความต้องการจากสองลูกค้าหลักของรัสเซียลดลงอย่างรวดเร็ว มีแนวโน้มกระทบต่อรายได้การขายน้ำมันของรัสเซีย และอาจดันให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น ในขณะที่ OPEC ประกาศพร้อมชดเชยการขาดแคลนน้ำมันในตลาดโลก ด้วยการปรับลดมาตรการจำกัดการผลิตหากจำเป็น


4. รัฐบาลผสมชุดใหม่ของญี่ปุ่น นำโดยนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก Sanae Takaichi และพรรคอิชิน (Ishin) เตรียมเดินหน้าแผนกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เช่น ลดภาษีน้ำมัน ให้เงินช่วยเหลือค่าไฟฟ้า-ค่าน้ำ และลดภาษีให้กับครัวเรือนต่างๆ แต่จะไม่กลับไปใช้แนวทางเศรษฐกิจแบบ "อาเบะโนมิกส์" อีก ซึ่งเคยเน้นการใช้เงินงบประมาณจำนวนมากและการลดดอกเบี้ยอย่างหนัก พรรคอิชินสนับสนุนรัฐบาลที่มีขนาดเล็กลง และการใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง ซึ่งอาจช่วยควบคุมการใช้เงินของรัฐบาลชุดนี้ไม่ให้เกินพอดี ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ยังคงขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อลดความเสี่ยงจากค่าเงินเยนที่อ่อนตัว และเงินเฟ้อที่อาจสูงขึ้น


5. การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 4 ซึ่งเพิ่งเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2025 ได้กำหนดแนวทางเศรษฐกิจของประเทศในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 15 (ปี 2026–2030) โดยเน้นการเปลี่ยนผ่านจาก “การเติบโตเชิงปริมาณ” ไปสู่ “การเติบโตเชิงคุณภาพสูง” แก่นกลางของแผนนี้คือการเพิ่มพลังการผลิตใหม่ (new quality productive forces) ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ความพึ่งพาตนเองทางนวัตกรรม และความมั่นคงทางอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันจีนยังคงเดินหน้าเปิดประเทศในระดับสูง (high-standard opening-up) เพื่อดึงดูดการลงทุนและขยายการค้าระหว่างประเทศ แต่ภายใต้กรอบ “เสถียรภาพและความมั่นคงเป็นอันดับแรก”


ประเด็นที่ต้องติดตาม: PMI Composite ของยุโรป เดือน ต.ค. คาดการณ์ที่ 51.0 จุด ก่อนหน้าที่ 51.2 จุด และดัชนี CPI ของสหรัฐฯ เดือน ก.ย. คาดการณ์ที่ 3.1% YoY ก่อนหน้าที่ 2.9% YoY

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5