
1. ตลาดหุ้นโลกปรับขึ้นจากแรงหนุน Amazon ขณะที่ Dollar Index แข็งค่าหลังเฟดส่งสัญญาณ Hawkish ขึ้น
2. Bessent เตือนตลาดบ้านสหรัฐฯเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย เรียกร้องเฟดลดดอกเบี้ย
3. PMI ภาคการผลิตจีนหดตัวต่อเนื่อง มองจีนยังต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
4. OPEC+ ชะลอการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน รับมือความเสี่ยงอุปทานล้นปี 2026
5. ธปท. เผยเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3/2025 ชะลอตัว แต่จะฟื้นตัวขึ้นในไตรมาสที่ 4/2025
Bites for Breakfast
By INVX Investment Products & Strategy
03 November 2025
1. ตลาดหุ้นโลกปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้น Amazon ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 10% หลังรายงานรายได้จากธุรกิจคลาวด์โตสูงสุดในรอบ 3 ปี ส่วนดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปรับขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ Dollar Index แข็งค่าขึ้น 0.31% หลังเฟดส่งสัญญาณไม่แน่นอนในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย (Hawkish) ในเดือนธันวาคม ส่งผลให้ตลาดคาดการณ์โอกาสลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 65% จาก 92% สัปดาห์ก่อน ด้าน MSCI World และ Nasdaq ทำสถิติปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องยาวนานที่สุดในรอบหลายปี ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีของสหรัฐฯ ขยับขึ้นแรง ขณะที่เงินเยนยังอ่อนค่าและ BoJ คงดอกเบี้ยตามคาด
2. Scott Bessent รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่าดอกเบี้ยสูงจากนโยบายของเฟดส่งผลให้ตลาดบ้านอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มบ้านราคาถูก (Low-end consumers) ที่ได้รับผลกระทบหนักจากอัตราดอกเบี้ย (Mortgage rate) สูง ขณะที่ยอด ยอดขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending home sales) เดือนกันยายนทรงตัว สะท้อนภาวะชะลอตัวในตลาดอสังหาริมทรัพย์ Bessent และ Stephen Miran เรียกร้องให้เฟดเร่งลดดอกเบี้ยมากกว่า 25 basis points เพื่อป้องกันเศรษฐกิจถดถอย พร้อมชี้ว่าการลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาล ช่วยลดการขาดดุลต่อ GDP และควบคุมเงินเฟ้อได้ หากเงินเฟ้อลดลงเฟดควรเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง
3. ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนเดือนตุลาคมอยู่ที่ 49.0 จุด ต่ำกว่าระดับ 50 จุด ซึ่งเป็นเส้นแบ่งระหว่างการขยายตัวและหดตัว ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 สะท้อนผลกระทบจากคำสั่งซื้อส่งออกที่ลดลง หลังแรงกระตุ้นจากการเร่งส่งออกเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ หมดลง ขณะที่ Non-manufacturing PMI ขยับขึ้นเล็กน้อยเป็น 50.1 โดยภาคบริการยังเติบโตแต่ภาคก่อสร้างชะลอตัว นักวิเคราะห์ทั่วโลกยังมองว่าจีนอาจต้องใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการบริโภคภายในประเทศและรักษาเป้าหมาย GDP ปี 2025 ที่ 5% แม้จะมีข้อตกลงชะลอการขึ้นภาษีนำเข้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ แต่แรงกดดันจากความขัดแย้งทางการค้ายังส่งผลต่อเศรษฐกิจจีน
4. OPEC+ ตัดสินใจเพิ่มเป้าหมายการผลิตน้ำมันเพียง 137,000 bpd ในเดือนธันวาคม 2025 และประกาศหยุดการเพิ่มกำลังผลิตในไตรมาสแรกปี 2026 เพื่อรับมือกับความกังวลเรื่องอุปทานส่วนเกิน (Oversupply) ที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลที่ความต้องการน้ำมันอ่อนแอ ขณะเดียวกัน มาตรการคว่ำบาตรใหม่จากชาติตะวันตกต่อรัสเซีย ส่งผลให้รัสเซียเผชิญข้อจำกัดในการเพิ่มกำลังผลิต กลุ่ม OPEC+ ยังคงเดินหน้าควบคุมตลาดเชิงรุก (Proactive) เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาและรอดูผลกระทบจากการคว่ำบาตร
5. ธปท. เผย เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3/2025 ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากการผลิตภาคอุตสาหกรรมและอุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนแอ แต่เห็นสัญญาณปรับตัวเพิ่มขึ้นในปลายไตรมาส โดยเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา นำโดยภาคการผลิตที่ทยอยกลับมาผลิตหลังจากการหยุดเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในช่วงก่อน ประกอบกับการส่งออกและรายรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติปรับเพิ่มขึ้น ในขณะที่อุปสงค์ภายในประเทศมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อจาก “คนละครึ่งพลัส” ซึ่งคาดว่าจะหนุนให้เกิดการฟื้นตัวขึ้นในไตรมาสที่ 4/2025
ประเด็นที่ต้องติดตาม: Eurozone Manufacturing PMI เดือน ต.ค. คาดการณ์ที่ 50 จุด เท่ากับก่อนหน้า