Bites for Dinner

Bites for Dinner - เรื่องต้องรู้ก่อนเทรดคืนนี้ 4 ธ.ค. 2568

4 Dec 25 5:48 PM
เรื่องต้องรู้ก่อนเทรดคืนนี้
สรุปสาระสำคัญ

1.ฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐฯ เคลื่อนไหวกรอบแคบ นักลงทุนจับตาโอกาสเฟดลดดอกเบี้ย ซึ่งตอนนี้สูงถึง 89%
2.รายงาน Initial Jobless Claims คืนนี้ คาดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 219,000 ราย
3.Salesforce บวกกว่า 2% ปรับเป้ารายได้และกำไรในปีหน้า รับอานิสงส์ AI-enhanced Agent Platform
4.ทองคำอ่อนตัวจากแรงขายทำกำไร แม้ตลาดจะมั่นใจว่า Fed จะลดดอกเบี้ยในไม่ช้า
5.น้ำมันขึ้นต่อ หลังมีรายงานยูเครนโจมตีท่อส่งน้ำมัน Druzhba ของรัสเซีย
6.SET -0.08% แกว่งตัวในกรอบ มีแรงซื้อ AOT/PTT แต่ Fund Flow ไหลออกจากกลุ่มโรงพยาบาล

🌙 เรื่องต้องรู้ก่อนเทรดคืนนี้ 4 ธันวาคม 2568

 

1. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ล่วงหน้า (Futures) เคลื่อนไหวในกรอบแคบในวันนี้ (4 ธ.ค.) โดยลดการปรับขึ้นในช่วงต้นลงเล็กน้อย ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่กำลังจะมาถึง ซึ่งอาจเป็นปัจจัยสำคัญต่อความคาดหวังในการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในช่วงปลายเดือนนี้ ดัชนีหลักใน Wall Street ปรับขึ้นในรอบการซื้อขายที่ผ่านมา หลังจากนักลงทุนได้ประเมินตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนที่ลดลง และผลสำรวจจาก Institute for Supply Management ที่แสดงให้เห็นการหดตัวของการจ้างงานในภาคบริการและดัชนีราคาสินค้าที่จ่ายลดลง ข้อมูลเหล่านี้รวมกันช่วยหนุนความคาดหวังว่า Fed ซึ่งประเมินตลาดแรงงานที่อ่อนแอลงและสัญญาณของอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงทรงตัว จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 9-10 ธ.ค. โดยปัจจุบันโอกาสในการลดดอกเบี้ยดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 89% ตามการรายงานของ CME FedWatch ตลาดไม่ได้ตอบสนองต่อรายงานข่าวที่ว่าหลายแผนกของ Microsoft ได้ลดเป้าหมายการเติบโตของยอดขายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยหุ้นของ Microsoft ซึ่งปฏิเสธรายงานดังกล่าว ลดลง 2.5%

 

2. นักลงทุนจะมีโอกาสตรวจสอบข้อมูลตลาดแรงงานเพิ่มเติมในวันนี้ เมื่อกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ (Initial jobless claims) นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าตัวเลขจะอยู่ที่ 219,000 ราย เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 216,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้า ตัวเลขของสัปดาห์ที่แล้วถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน ซึ่งบ่งชี้ว่าแม้การเลิกจ้างยังอยู่ในระดับต่ำ แต่ความต้องการแรงงานของสหรัฐฯ ยังคงซบเซา แม้จะมีการขาดแคลนข้อมูลการจ้างงานอย่างเป็นทางการที่ครอบคลุมมากขึ้นเนื่องจากการปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางเป็นเวลานาน แต่ Fed ยืนยันในการประชุมเดือนตุลาคมและกันยายนว่ามีหลักฐานเพียงพอที่แสดงถึงการชะลอตัวในตลาดแรงงานเพื่อรองรับการผ่อนคลายนโยบายการกู้ยืม

 

3. หุ้นของ Salesforce ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 2% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการหลังจากที่บริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้และกำไรสุทธิสำหรับปีงบประมาณ 2026 แนวโน้มเชิงบวกนี้อยู่บนพื้นฐานของการคาดการณ์การเติบโตที่แข็งแกร่งของความต้องการแพลตฟอร์มตัวแทนที่เสริมด้วย AI ของบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มลูกค้าองค์กร การคาดการณ์ดังกล่าวเน้นย้ำถึงประโยชน์ที่ Salesforce คาดว่าจะได้รับจากจำนวนธุรกิจที่เพิ่มขึ้นในการนำเครื่องมือ AI มาใช้เพื่อปรับปรุงการดำเนินงาน กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เช่น Oracle ได้ใช้แพลตฟอร์ม AI Agent ของ Salesforce ซึ่งสามารถทำงานอัตโนมัติและตัดสินใจบางอย่างได้ นาย Marc Benioff ซีอีโอ กล่าวในแถลงการณ์ว่าผลิตภัณฑ์ Agentforce และ Data 360 เป็น "ตัวขับเคลื่อนโมเมนตัม" โดยมีรายได้ประจำปี (Annual Recurring Revenues) เกือบ 1.4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งแสดงถึงการเติบโตที่ "ก้าวกระโดด" 114% เมื่อเทียบเป็นรายปี

 

4. ราคาทองคำปรับตัวลดลงเล็กน้อย ถูกกดดันจากแรงขายทำกำไร แม้ว่านักลงทุนจะมั่นใจมากขึ้นว่า Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า Spot gold ลดลง 0.3% อยู่ที่ $4,191.39 ต่อออนซ์ และ U.S. Gold Futures สำหรับการส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ลดลง 0.3% อยู่ที่ $4,219.40 ต่อออนซ์ โอกาสที่อัตราดอกเบี้ยจะลดลงมักจะเป็นผลดีต่อสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทน เช่น ทองคำ นอกจากข้อมูล Initial jobless claims ที่จะเปิดเผยในวันนี้ ความสนใจยังพุ่งเป้าไปที่ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนกันยายน ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่ Fed ต้องการ ในวันศุกร์นี้

 

5. ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น หลังจากมีการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานน้ำมันของรัสเซียเพิ่มขึ้น ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่ออุปทานทั่วโลก นอกเหนือจากความคืบหน้าที่ขาดหายไปในความพยายามทางการทูตเพื่อยุติสงครามในยูเครน Brent futures เพิ่มขึ้น 0.6% อยู่ที่ $63.04 ต่อบาร์เรล และ U.S. West Texas Intermediate crude futures เพิ่มขึ้น 0.8% อยู่ที่ $59.42 ต่อบาร์เรล รายงานของ Reuters ระบุว่า กองกำลังยูเครนได้โจมตีท่อส่งน้ำมัน Druzhba ในภูมิภาค Tambov ทางตอนกลางของรัสเซีย ซึ่งเป็นการฟื้นความกังวลเกี่ยวกับการหยุดชะงักที่อาจเกิดขึ้นกับการส่งออกน้ำมันของรัสเซีย ในขณะเดียวกัน การเจรจาสันติภาพระดับสูงระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และรัสเซียได้สิ้นสุดลงโดยไม่มีความคืบหน้าใด ๆ เมื่อต้นสัปดาห์นี้

 

6. ตลาดหุ้นไทย (SET) ปิดที่ 1,273.77 จุด ลดลง 1.05 จุด (-0.08%) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 38,508.08 ล้านบาท ดัชนีแกว่งตัวไซด์เวย์ โดยมีการสลับกลุ่มซื้อขายหุ้น หุ้นที่ปรับตัวขึ้นเด่น เช่น AOT และ PTT จากปัจจัยเฉพาะตัว ขณะที่ Fund Flow ไหลออกจากกลุ่ม Defensive โดยเฉพาะกลุ่มโรงพยาบาล หุ้น AOT ได้รับแรงหนุนจากการที่โบรกเกอร์ปรับเพิ่มประมาณการกำไรหลังจากประเด็น Overhang ได้คลี่คลายลง โดยเฉพาะการเจรจาแก้ไขสัญญาคิงเพาเวอร์ที่ผ่านไปได้ด้วยดี รวมถึงได้รับการปรับขึ้นค่า PSC สูงกว่าที่ตลาดคาด นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกจากโอกาสที่นักท่องเที่ยวจีนอาจกลับมาหลังจากยกเลิกการเที่ยวญี่ปุ่น สะท้อนจากการจอง Slot เดือน ก.พ.-มี.ค. 2569 ที่พบว่าจากจีนเดินทางเข้าไทยเพิ่มมากกว่า 15% เมื่อเทียบรายปี

 

-----
ที่มา: Investing.com และ InnovestX Research
แปลและเรียบเรียง: Content Team, InnovestX

 

ดาวน์โหลดแอป InnovestX วันนี้ เพื่อเข้าถึงโอกาสการลงทุนในหุ้นสหรัฐและตลาดทั่วโลก
📱 ดาวน์โหลดแอป: https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b

 

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5