ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดทั่วโลกปรับตัวลดลง 0.4% โดยตลาดเผชิญแรงขายทำกำไรจากความไม่แน่นอนต่อความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐและการเมืองในฝรั่งเศส รวมถึงสหรัฐยังบังคับใช้มาตรการภาษี 50% กับอินเดีย และผลประกอบการในหุ้นเทคจีนได้รับแรงกดดันจากการแข่งขัน
บทสรุป
สัปดาห์ที่ผ่านมากระแสเงิน 1) ในตราสารหนี้ผันผวน 2) มีแรงซื้อในตลาดหุ้นโลก 3) มีแรงซื้อในตลาดหุ้นจีนและ EM 4) มีแรงซื้อในโลหะมีค่า 5) มีแรงขายในหุ้นกลุ่ม Consumer Staples 6) มีแรงขายในตลาดญี่ปุ่น
ภาพรวม – ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดมีทิศทางผันผวนและให้น้ำหนักกับปัจจัยมหภาคมากกว่าจุลภาค โดยมีแรงขายทำกำไรในช่วงต้นสัปดาห์ ประกอบกับความกังวลความเป็นอิสระของธนาคารกลาง นอกจากนี้ยูโรโซนยังมีความกังวลจากเรื่องการเมือง ขณะที่ทางฝั่งจีน ตลาดมีความผันผวนตามทิศทางผลประกอบการที่ออกมาผสมหลังมีแรงกดดันจากการแข่งขันในอุตสาหกรรม อย่างไรก็ดีตลาดยังคงมีความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยและตัวเลขเศรษฐกิจและภาคแรงงานที่แข็งแกร่งกว่าที่คาด ทำให้มีการปรับตัวขึ้นได้บ้าง
กลยุทธ์ – สัปดาห์นี้ (1 - 5 ก.ย.) เราแนะติดตาม 1) รายงาน Fed's Beige Book 2) ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยเฉพาะตัวเลขตลาดแรงงาน เช่น การจ้างงานนอกภาคเกษตร จำนวนตำแหน่งงานว่าง (JOLTS) และรายงานเงินเดือนเอกชนจาก ADP นอกจากนี้แนะติดตาม PMI ภาคบริการด้วยเช่นกัน 3) ตัวเลขเศรษฐกิจจีนอย่าง PMI ภาคผลิตและบริการ 4) ตัวเลขเศรษฐกิจยูโรโซน อย่าง CPI PPI ยอดค้าปลีก 5) ผลประกอบการที่จะประกาศได้แก่ Alimentation Couche-Tard, Broadcom, Hewlett Packard Enterprise, Salesforce, Sun Hung Kai Properties, Zscaler
เราประเมินว่าตลาดมีแนวโน้มผันผวนต่อเนื่องหลังมีตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวที่ประกาศในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะตัวเลขในตลาดแรงงานซึ่งคาดว่าจะชะลอตัวลง ทำให้ตลาดจะมีความคาดหวังเชิงบวกที่ Fed จะปรับลดดอกเบี้ยได้ อย่างไรก็ดีสิ่งที่ไม่แน่นอนคือนโยบายของทรัมป์และทิศทางความเป็นอิสระของ Fed ที่ทำให้ตลาดกังวลอยู่มากและเราแนะติดตาม
ด้วยภาพนี้เราจึงแนะนำเก็งกำไรในกลุ่มหุ้นที่คาดผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตดีใน 2Q25 ประกอบกับแนะอยู่ในหุ้นที่ยังมีแนวโน้มเติบโตดี โดยแนะ DR อย่าง GOOGL01 TENCENT80 BABA23 และหุ้นต่างประเทศอย่าง ZS CRM
