Strategy
PDF Available  
Global Morning Routine

Global Morning Routine - 16 ต.ค. 2567

By สิทธิชัย ดวงรัตนฉายา|16 Oct 24 10:46 AM
สรุปสาระสำคัญ

ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงหลังภาพรวมผลประกอบการออกมาในทิศทางผสม ขณะที่กลุ่มเทคฯและเซมิฯมีแรงกดดันจากแนวโน้มการควบคุมการส่งออกชิปของสหรัฐฯและงบ ASML ที่อ่อนแอ

บทสรุป

  • กระแสเงินในวันที่ 14 ต.ค. 2024 1) กระแสเงินในตราสารหนี้ผันผวน มีแรงซื้อกลับในตราสารหนี้คุณภาพดีและหุ้นกู้ภาคเอกชน ทั้งนี้มองว่าตลาดปรับความคาดหวังการลดดอกเบี้ยไม่แรงไประดับหนึ่งแล้วและปัจจัยเสี่ยงภายนอกค่อนข้างผันผวน 2) เริ่มเห็นแรงขายในตลาดหุ้นจีนหลังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนออกมาน้อยกว่าที่คาด รวมไปถึงตัวเลขเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า นอกจากนั้นเห็นแรงขายในตลาด EM 3) กระแสเงินในกลุ่มเทคโนโลยีเริ่มผันผวนและเทรนด์ไม่ชัดเจน เห็นแรงซื้อเข้ามาในกลุ่ม Semiconductor หลังแนวโน้มยอดขายชิป AI ยังมีการเติบโตสูง 4) สถานการณ์ในตะวันออกกลางไม่ชัดเจนทำให้มีแรงเก็งกำไรในสินค้าโภคภัณฑ์และซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยง 5) มีแรงขายในตลาดหุ้นญี่ปุ่นจากความไม่ชัดเจนในนโยบายการเงินของ BOJ 6) กลุ่มที่เกี่ยวกับกำลังซื้อกระแสเงินค่อนข้างน้อย

  • ASML รายงานยอดสั่งซื้อ (bookings) ใน 3Q24 ต่ำกว่าคาดและปรับลดคาดการณ์ยอดขายสุทธิปี 2025 ซึ่งส่งผลให้ 1) การฟื้นตัวของรายได้และคำสั่งซื้ออาจจะช้ากว่าที่คาด 2) ตลาดจะมีการปรับประมาณการลง จากภาพนี้ทำให้เรามองว่าห่วงโซ่อุปทานของผู้ผลิตเครื่องจักรผลิต Semiconductor อย่าง Applied Materials, Lam Research, Tokyo Electron, KLA Corp จะมี Sentiment เชิงลบในระยะสั้น

  • กลุ่มธนาคาร BAC C GS เผยงบ 3Q24 ออกมาดีกว่าคาดแม้จะมีความท้าทายจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ลดลง โดยงบเติบโตหนุนจาก IB และการเทรดในตลาดทุน รวมถึง Investment advisory ซึ่งภาพนี้ทำให้การเติบโตของ BAC และ GS ออกมาดีหลังมีสัดส่วนธุรกิจเหล่านี้มาก สวนทางกับ C ที่ยังมีแรงกดดันจาก 1) consumer spending ที่ยังคงระมัดระวังการใช้จ่าย 2) ความกังวลเรื่องกฎระเบียบ

  • UnitedHealth Group (UNH) เผยกำไรและรายได้สูงกว่าคาดการณ์เล็กน้อยใน 3Q24 แต่อย่างไรก็ดีคาดการณ์ออกมาต่ำกว่าคาดทำให้ราคาหุ้นลง 10.3% หลังมีแรงกดดันจากค่าใช้จ่ายทางการแพทย์สูงขึ้น,กฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้น, การโจมตีทางไซเบอร์และการลดลงของรายได้จาก Medicare และ Medicaid ซึ่งเรามองกระทบธุรกิจระยะกลาง-ยาว ทำให้การลงทุนในกลุ่มนี้น่าสนใจน้อยลง และแนะมอง Pharma

  • รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณามาตรการจำกัดการส่งออกชิป AI ขั้นสูงไปยังบางประเทศ โดยเฉพาะในตะวันออกกลาง จากความกังวลด้านความมั่นคงแห่งชาติ เรามองว่าในตะวันออกกลางมีการสั่งซื้อชิปรุ่นใหม่เยอะเพื่อทำ Data Center ดังนั้นหากมีการจำกัดการส่งออกชิปเกิดขึ้นจริง อาจเป็นความเสี่ยงด้าน Downside ต่อกลุ่มเซมิฯ โดยมีผู้ส่งออกหลักคือ NVDA, AVGO, QCOM, Samsung Electronics

  • การเติบโตของราคาชิปหน่วยความจำในเกาหลีใต้เริ่มแสดงสัญญาณการชะลอตัว ราคาชิป DRAM มีการชะลอตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง ตามข้อมูลจากธนาคารกลางเกาหลี ราคาชิป NAND Flash ก็แสดงสัญญาณการชะลอตัว แต่แนวโน้มระยะยาวของอุตสาหกรรมยังคงได้รับแรงหนุนจาก AI อย่างไรก็ตามอาจระมัดระวังการลงทุนในบริษัทที่พึ่งพารายได้จากชิปหน่วยความจำเป็นหลักในระยะสั้น

  • LVMH ยอดขาย 3Q24 ลดลง 3% YoY ต่ำกว่าคาด 5% และ Ferragamo ก็รายงานยอดขายต่ำกว่าคาดเช่นเดียวกัน ภาพนี้ เรายังคงไม่ชอบหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยและมองว่าการเติบโตยังชะลอตัวต่อเนื่องใน 4Q24 เนื่องจากความเชื่อมั่นและการบริโภคโดยเฉพาะในจีนยังยังอ่อนแอ อย่างไรก็ดี การปรับตัวลงของ LVMH มองว่าบริเวณ 600 ยูโร เป็นจุดรองรับได้ เพื่อคาดหวังการ Turnaround ได้ในช่วง 1H25

  • ภาพตลาดในสัปดาห์นี้คาดตลาดยังคงผันผวนจากตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวที่ประกาศ แต่อย่างไรก็ดีเชื่อว่าทิศทางดอกเบี้ยขาลงและกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่ยังคงดีจะเป็นตัวสนับสนุน โดยเราแนะเก็งกำไรบนผลประกอบการที่คาดออกมาดีอย่าง MS (TP:109.2$) ที่มองโตดีตามกลุ่ม รวมถึงมองรายได้ Fee และ IB โต ทั้งนี้แนะมอง TSM (TP:216.6$) ที่คาดยอดขายเติบโตดีจากอุปสงค์ AI
Author
Slide4
สิทธิชัย ดวงรัตนฉายา

นักกลยุทธ์อาวุโสตลาดหุ้นไทยและต่างประเทศ

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5