INVX Global Morning Routine - 27 เม.ย. 2566

บทสรุป

ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงหลังตลาดตอบสนองต่อตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาต่ำกว่าคาด ขณะที่ผลประกอบการออกมาในทิศทางผสม ส่วนหุ้นการแพทย์ยุโรปมีแรงกดดันจากการควบคุมราคายาของทางการที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับกลุ่มโซเชี่ยลมีเดียสหรัฐฯและจีนมีแรงกดดันจากความเสี่ยงการควบคุมเนื้อหาของทางการยุโรปที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน

• กระแสเงินในวันที่ 25 เม.ย. 2023 1) เริ่มเห็นแรงขายในตราสารหนี้ โดยเป็นการขายในตราสารหนี้ระยะสั้นและตราสารหนี้คุณภาพดี ทั้งนี้นักลงทุนกลับมากังวลบนการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐในต้นเดือน พ.ค. 2) มีแรงซื้อในตลาดหุ้น EM ทั้งนี้มองว่าเป็นเรื่องของภาพเศรษฐกิจที่ดีกว่าและค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง 3) มีแรงซื้อในโลหะมีค่าทั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องและลดความเสี่ยงจากประเด็น Debt Ceiling ของสหรัฐ 4) หุ้นจีนกลับมามีเงินไหลเข้าจากผลประกอบการที่ดีกว่าที่คาดในกลุ่ม Reopening 5) หุ้นกลุ่มที่อิงกับเศรษฐกิจโลกอย่างกลุ่มพลังงาน กลุ่ม Materials และกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมมีการปรับตัวลดลงตามภาพของเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงสภาวะถดถอยเพิ่มขึ้น
•  
• Russia-Ukraine ไม่มีพัฒนาการเชิงบวก ด้านราคาถ่านหินในยุโรปปรับลดลง 1.1% ราคาก๊าซธรรมชาติลดลง 2.5% ส่วน Credit Spread ของ IG ทั่วโลกลดลง 1bps ส่วน HY ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3bps ขณะที่กลุ่ม Reopening ในจีนปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.1% หลังจากปรับตัวลดลง 5 วันติดต่อกันและปรับตัวลดลงในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม กลุ่มที่มีการฟื้นได้ดีเป็นกลุ่มท่องเที่ยวและกลุ่มร้านอาหารที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3%
•  
• Meta Platforms เผยงบ 1Q23 โดยรายได้โตดีกว่าตลาดคาดและเพิ่มขึ้น 3%YoY หนุนจากรายได้ Ads ที่เริ่มฟื้นตัว +7%YoY ขณะที่เวลาในการใช้งานใน IG เพิ่มขึ้นดี ด้าน Reels เติบโตดีเช่นกัน อย่างไรก็ดีกำไรยังคงหดตัว ถึงแม้จะมีแผนลดค่าใช้จ่ายและ Layoff พนักงานไปจำนวนมาก ประกอบกับต้นทุนก็เพิ่มขึ้นเช่นกันซึ่งมากกว่าการเพิ่มขึ้นของรายได้ที่ 3%YoY ทำให้เราก็ยังไม่ได้เห็นประสิทธิภาพของการ Restructure นอกนั้นธุรกิจหลักที่บริษัทโฟกัสอย่าง Reality Labs นั้นรายได้ยังคงหดตัว 51%YoY และยังคงขาดทุนโดย Operating Income หดตัวกว่า $3.9bn ภาพรวมาระยะสั้น Meta สามารถเก็งกำไรจากผลประกอบการที่ดีกว่าคาดได้ แต่อย่างไรก็ดีเรายังคงมีความสงสัยต่อทิศทางการเติบโตในระยะยาวของบริษัท
• 
  ด้าน AIA +1.3% และ HKEX +1.2% หลังเผยผลประกอบการดีกว่าคาดและอยู่ในทิศทางฟื้นตัวต่อเนื่อง โดย AIA มี VONB ดีกว่าตลาดคาดและเพิ่มขึ้น 28%YoY หนุนจากความต้องการผลิตภัณฑ์ออมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นแกร่งทั้งในฮ่องกงและจีน แต่ด้วยภาพเช่นนี้ทำให้กดดันมาร์จิ้น VONB เช่นกันส่งผลให้ -2.3pt เนื่องจากต้องจ่ายเบี้ยประกันหรือดอกเบี้ยให้ลูกค้ามากขึ้น แต่อย่างไรก็ดี เราเชื่อว่าส่วนผสมจากความต้องการพื้นฐานที่แกร่งจะยังคงช่วยเยียวยาและหนุนอัตราการเติบโตได้
• 
  ด้าน HKEX มีรายได้เพิ่มขึ้น 19%YoY และ EPS ดีกว่าคาดและเพิ่มขึ้น 28%YoY หนุนจากรายได้จากการลงทุนที่ดีกว่าคาดและต้นทุนที่เริ่มชะลอตัวลง ประกอบกับระดับกิจกรรมกำลังเพิ่มขึ้น แม้ว่าจะค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่บริษัทเผยไพแม้ว่ายังคงมีความท้าทายและความไม่แน่นอนในสภาพแวดล้อมมหภาค แต่ปัจจุบัน HKEX มีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดการเงินของฮ่องกงในปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของสังคมและการเปิดพรมแดนจีน-ฮ่องกงอีกครั้ง