แกว่งผันผวน ติดตามปัจจัยการเมือง |
แนวโน้มตลาดวันนี้ |
คาด SET แกว่งผันผวนในช่วง 1500 +/- 20 จุด โดยการเคลื่อนไหวขึ้นกับปัจจัยในประเทศด้านการเมืองเป็นหลัก ในขณะที่ปัจจัยต่างประเทศมีอิทธิพลน้อยลง หลังตลาดการเงินสหรัฐปิด Long weekend ทั้งนี้ด้านภาพรวมแนวโน้มราคา ติดตามบริเวณ 1479 จุด หากไม่ต่ำกว่า ยังเป็นสัญญาณที่ดี |
ประเด็นสำคัญ |
• กรมรางรายงานสถิติผู้โดยสาร 1-29 มิถุนายน เพิ่มขึ้น 5.62% สูงกว่าทั้งเดือน พ.ค. หลังรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเปิดให้บริการ ขณะที่สายสีน้ำเงินเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 10 ล้านเที่ยวคน โดย 23 มิ.ย. ผดส. สูงสุดรอบ 3 ปี• กฟผ. เตรียมบริหารจัดการน้ำและโรงไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ เฝ้าระวังเขื่อนที่เสี่ยงน้ำน้อย ปรับแผนการกักเก็บและระบายน้ำ พร้อมเตรียมปริมาณสำรองเพียงพอต่อการอุปโภคบริโภครับสภาวะเอลนีโญ• จับตาพรรคเพื่อไทยเตรียมเจรจาพรรคก้าวไกลตำแหน่งประธานสภาฯ ก่อนแถลงผลช่วงเที่ยงวันนี้• สหรัฐรายงานดัชนี PCE ทั่วไปเดือน พ.ค. +3.8%YoY ชะลอลงจากเดือน เม.ย. ที่ 4.3%YoY ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค มิ.ย. โดย ม. มิชิแกนสูงกว่าคาด และเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 4 เดือน• รมว. คลังสหรัฐ คาด ศก. สหรัฐยังสามารถที่จะรักษาตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง ขณะที่เงินเฟ้อปรับตัวลง แม้ ศก. ชะลอตัวลงต่อไปก็ตาม• เงินเฟ้อยูโรโซน มิ.ย. ลดลงเป็นเดือนที่ 3 แต่ นลท. ยังคาดว่า ECB จะปรับขึ้น ดบ. ต่อในก.ค.เป็นครั้งที่ 9 และอาจปรับขึ้นใน ก.ย.ด้วย• WHO เตรียมประกาศสารให้ความหวานแอสปาร์แตมที่นิยมใช้ใน เครื่องดื่ม-หมากฝรั่ง เป็นสารอาจก่อมะเร็ง หลังมีผลวิจัยออกมา• TESLA ประกาศตัวเลขยอดส่งมอบรถยนต์ 2Q66 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 83%YoY มากกว่าตลาดคาด |
กลยุทธ์การลงทุน |
แม้ SET มีโอกาสฟื้นตัว แต่จะมี Upside จำกัด เนื่องจากมีความเสี่ยงต้องจับตาทั้งจากสถานการณ์การเมืองไทยหลังเตรียมเปิดประชุมผู้แทนราษฎรนัดแรก (4 ก.ค.), การไหลออกของ Fund Flow จากตลาดการเงินทำให้เงินบาทอ่อนค่าซึ่งอาจกระทบต่อการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ อีกทั้งภาพตลาดโลกยังกังวลธนาคารกลางหลายแห่งยังส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องซึ่งจะกดดันเศรษฐกิจโลกถดถอย ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” |
ล็อคเป้าลงทุน |
Weekly Portfolio : มองความเสี่ยงทั้งในและต่างประเทศยังกดดันการลงทุนทำให้ SET มี Upside จำกัด กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้1. หุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 2Q66 จะยังเติบโตได้ดี YoY เลือก AOT BBL ADVANC MINT OSP BDMS BEM2. หุ้นพื้นฐานดีซึ่งคาดยังมีศักยภาพจ่ายเงินปันผลสูง โดยคาดให้ Div. Yield ปี 2023 มากกว่าปีละ 5% เลือก TISCO LH AP3. หุ้นสู้วิกฤติ ซึ่งคาดราคาจะทยอยฟื้นตัวได้ดีใน 1 เดือน หลังปรับตัวลงมาแรงเนื่องจากสิ้นสุดการเลือกตั้งไทยเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 66 เลือก BH BTS CHG CPALL4. หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากเงินบาทยังมีแนวโน้มอ่อนค่า เลือก AH NYT ERWขณะที่ช่วงสั้นแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนสำหรับ 1) หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่ม PTT ออกไปก่อน เนื่องจากมีความเสี่ยงหรือความไม่ชัดเจนของโครงสร้างราคาพลังงานจากนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ และ 2) หุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญ ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG มีต้นทุนน้ำตาลสูง) กลุ่มโรงไฟฟ้าพลังน้ำ (CKP) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT) |
Daily Focus |
CPALL 2Q66 คาดกำไรปกติจะเติบโต YoY โดยเกิดจากยอดขายที่ดีขึ้นทั้งธุรกิจ CVS และ CPAXT แต่จะลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ขณะที่ 2H66 กำไรจะดีขึ้น HoH จากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจะลดลงหลังจากรีไฟแนนซ์หนี้ของ CPAXT เสร็จในช่วงปลายเดือน เม.ย.BEM การเปิดให้บริการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเต็มรูปแบบจะเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นในระยะสั้น ขณะที่ 2Q66 และ 3Q66 คาดกำไรจะดีขึ้น QoQ และ YoY จากปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนและจำนวนผู้โดยสาร MRT ที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งจะมีบันทึกเงินปันผลจาก TTW และ CKP |
บทวิเคราะห์วันนี้ |
Stock Note – KCE |