Sentiment ของ SET Index: คาดว่า SET Index จะชะลอตัวลงเนื่องจาก sentiment ลบจากตลาดหุ้นสหรัฐและการชะลอการแข็งค่าของเงินบาท โดยมีแนวรับที่ 1414 และ 1404 จุด และแนวต้านที่ 1430 จุด
ประเด็นสำคัญ: การจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 142,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐยังคงมั่นใจในเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรีไทยเตรียมประกาศนโยบายรัฐบาล และ OPEC+ ได้เลื่อนการเพิ่มกำลังการผลิตออกไป
กลยุทธ์การลงทุน: แม้จะมีโมเมนตัมที่ดี แต่ควรระวังการขายทำกำไรระยะสั้น แนะนำ “Selective Buy” ในหุ้นที่มีสัญญาณกลับตัว หุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง และหุ้นที่คาดว่าจะได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่
ชะลอตัวลดความร้อนแรง |
คาด SET ได้รับ sentiment ลบ จากตลาดหุ้นสหรัฐปรับลง กังวลเศรษฐกิจถดถอย และเงินบาทชะลอการแข็งค่า ทำให้แรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติชะลอลงในช่วงสั้น ทำให้คาดว่าดัชนีจะชะลอตัว เพื่อลดความร้อนแรงก่อน โดยกรอบบนถูกจำกัดบริเวณแนวต้าน 1430 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1414 และ 1404 จุด ตามลำดับ ใช้เป็นจุดรองรับ ตามภาพรวมที่คาดยังไต่ระดับปรับขึ้นได้ต่อ
|
ประเด็นสำคัญ |
• กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เผยการจ้างงานนอกภาคเกษตร ส.ค. เพิ่มขึ้น 142,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าตลาดคาด และปรับลดตัวเลขการจ้างงาน ก.ค. สู่ 89,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่ 114,000 ตำแหน่ง
|
กลยุทธ์การลงทุน |
แม้ช่วงสั้นมอง SET ยังมีโมเมนตัมที่ดีจากคลายกังวลเสถียรภาพทางการเมืองไทยและคาดหวังการเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในปลาย 3Q-4Q67 แต่ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา SET Index ปรับขึ้นแล้วกว่า 10%MoM จึงอาจต้องระวังแรงขายทำกำไรระยะสั้นบริเวณแนวต้าน 1450-1460 จุด โดยมองเม็ดเงินลงทุนจะสลับไหลออกจากกลุ่มธนาคาร ไฟแนนซ์ สื่อสาร ไปเข้าสู่กลุ่มปิโตรเคมี โรงไฟฟ้า อสังหา และการแพทย์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจชะลอตัวมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้เงินเฟ้อชะลอตัวลงและคาดจะนำไปสู่การปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของ FED และ ECB กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ "Selective Buy"
|
ล็อคเป้าลงทุนประจำสัปดาห์ |
แม้ช่วงสั้นมอง SET จะยังมีโมเมนตัมที่ดี แต่อาจต้องระวังแรงขายทำกำไรระยะสั้นหลังดัชนีปรับตัวขึ้นมาแรงในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ "Selective Buy" ใน 4 ธีม ดังนี้
|
Daily Top picks
|
BDMS: มองเป็นหุ้นเด่นกลุ่มการแพทย์และกำไรจะแข็งแกร่งขึ้นใน 2H67 โดย 3Q67 คาดกำไรปกติจะเติบโต YoY แรงหนุนจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น และเติบโต QoQ จากเข้าสู่ High Season ขณะที่ทั้งปี 2567 คาดมีกําไรปกติเติบโต 13%YoY สู่ 1.6 หมื่น ลบ. อีกทั้ง valuation ยังอยู่ในระดับต่ำที่ PER 67F ระดับ 27 เท่า (-2SD) วันนี้แนะนำราคาเข้าซื้อไม่เกิน 29.00 บาท
|
บทวิเคราะห์วันนี้ |
กลุ่มสาธารณูปโภค - มองบวกต่อการประมูลพลังงานหมุนเวียนรอบสอง |