ผันผวนในกรอบ แต่พอลุ้นได้ |
แนวโน้มตลาดวันนี้ |
คาด SET เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ โดยกรอบล่างอยู่ที่แนวรับ 1487 และ 1479 จุด ตามลำดับ ที่คาดยังรองรับได้ เพื่อลุ้นฟื้นตัวไปหากรอบบน โดยมีแนวต้านที่ 1510 จุด และจุดสูงเดิมบริเวณ 1520 จุด หากขึ้นทะลุผ่านได้ จะเป็นสัญญาณบวก ประเด็นสำคัญ ติดตามสถานการณ์การเมืองที่ยังทำให้ตลาดมีความผันผวน |
ประเด็นสำคัญ |
• วันนี้ กกต. นัดประชุมพิจารณากรณีคุณพิธาถือหุ้นไอทีวีต่อจากประชุมวานนี้ที่ยังไม่มีมติส่งศาล รธน. วินิจฉัยคุณสมบัติสมาชิกภาพ ส.ส.• วันนี้ศาล ปค. พิจารณาคดี BTS ฟ้อง คกก. แก้ TOR ประมูลสายสีส้ม• สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านระบุยอดสั่งสร้างบ้าน 1H66 ต่ำกว่าเป้าหลังตั้ง รบ. ล่าช้า เตรียมเสนอมาตรการลดภาษีสร้างบ้านล้านละ 1 หมื่นบาท• BOI ระบุคำขอรับการส่งเสริมการลงทุน 6M66 มูลค่า 3.6 แสนลบ. เพิ่มขึ้น 70%YoY ในอุตฯ เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กฯ เกษตร อาหารแปรรูป• ลอเรตตา เมสเตอร์ ปธ. Fed สาขาคลีฟแลนด์ ระบุแรงกดดันเงินเฟ้อเป็นทำให้ Fed ยังคงต้องเดินหน้าปรับขึ้น ดบ. เช่นเดียวกับแมรี ดาลี ปธ. Fed สาขาซานฟรานซิสโกหนุน Fed ขึ้น ดบ. 2 ครั้งในปีนี้ แต่ไมเคิล บาร์ รอง ปธ. Fed เห็นว่า Fed มีความคืบหน้าในการดำเนินนโยบายการเงิน และใกล้ยุติขึ้น ดบ. แล้ว• ดัชนี CPI มิ.ย. ของจีนทรงตัว YoY ต่ำกว่าคาด หลังเพิ่มขึ้น 0.2% ในพ.ค. ส่วนดัชนี PPI มิ.ย. ลดลง 5.4%YoY ต่ำคาด จาก พ.ค. ลดลง 4.6%YoY• จีนจะขยายนโยบายทางการเงิน 2 นโยบายที่สนับสนุนการพัฒนาที่มั่นคงและแข็งแกร่งของตลาดอสังหาริมทรัพย์จนถึงสิ้นปี 2567• Nasdaq 100 เตรียมปรับการกระจายน้ำหนักเพื่อควบคุมการครอบงำของ Magnificent Seven โดยจะเกิดขึ้นก่อนตลาดเปิด 24 ก.ค. นี้ |
กลยุทธ์การลงทุน |
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสได้รับแรงกดดันจาก Beige Book ของเฟดซึ่งคาดว่าจะมีแนวโน้มของกิจกรรมเศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัว อีกทั้งเงินเฟ้อของสหรัฐและอังกฤษที่ปรับตัวลงค่อนข้างช้า ขณะที่ในประเทศอยู่ระหว่างติดตามความคืบหน้าผลการโหวตนายกรัฐมนตรีของไทยในวันที่ 13 ก.ค. นี้ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “เน้นตั้งรับ และ Selective Buy” |
ล็อคเป้าลงทุน |
Weekly Portfolio : มอง SET ยังได้รับแรงกดดันจากปัจจัยการเมืองในไทยและเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “เน้นตั้งรับ และ Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้1. หุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 2Q66 จะยังเติบโตได้ดี YoY เลือก AOT BBL ADVANC MINT OSP BDMS BEM2. หุ้นพื้นฐานดีซึ่งคาดยังมีศักยภาพจ่ายเงินปันผลสูง โดยคาดให้ Div. Yield ปี 2023 มากกว่าปีละ 5% เลือก TISCO LH AP3. นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้แนะนำซื้อเก็งกำไรหาก SET ปรับลงมาแถว 1450 จุด สำหรับหุ้นที่คาดมีโอกาสฟื้นตัวหลังราคาปรับลงลึกจนซื้อขายด้วย PER และ PBV ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย -1SD เลือก CRC GULF SCGPขณะที่ช่วงสั้นแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนสำหรับ 1) หุ้นกลุ่มอาหาร (TU CPF GFPT BTG) หลังมองมีโอกาสที่ตลาดจะปรับลดคาดดการณ์กำไรลงหลังประกาศงบ 2Q66 ซึ่งคาดภาพรวมอ่อนทั้ง YoY และ QoQ 2) หุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญจากกำลังซื้อภาคเกษตรที่ลดลง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG มีต้นทุนน้ำตาลสูง) กลุ่มโรงไฟฟ้าพลังน้ำ (CKP) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT) และ 3) หุ้นเทคโนโลยี (DELTA HANA KCE) จากความชัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน อีกทั้งผลการดำเนินงาน 2Q66 ยังมีแนวโน้มฟื้นตัวช้า |
Daily Focus |
MINT มอง valuation ยังไม่แพงที่ PER 66F ระดับ 29 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยในอดีต ขณะที่คาดผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดย 2Q66 คาดกำไรปกติที่ 2.8 พีนลบ. (+YoY, +QoQ) และผลประกอบการที่ดีขึ้นใน 2H66 จะช่วยสนับสนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวดีกว่าตลาดได้BCH ราคาหุ้นเทรด PER 66F ระดับ 32 เท่า ซึ่งเท่ากับระดับ -2SD ของ PER เฉลี่ยในอดีต ซึ่งมอง valuation ระดับต่ำจะช่วยป้องกัน downside ของราคาหุ้น ขณะที่ 2Q66 คาดกำไรปกติ 277 ลบ. ลดลง 76%YoY (จากฐานสูงของบริการโควิด-19) แต่จะปรับตัวดีขึ้น 9%QoQ |
บทวิเคราะห์วันนี้ |
BCH – กำไรผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว valuation ไม่แพง |