ภาพรวมยังดี sentiment เป็นบวก |
แนวโน้มตลาดวันนี้ |
คาด SET ปรับขึ้นได้ หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐต่ำคาด ทำให้ตลาดคลายกังวลเรื่องเฟดขึ้นดอกเบี้ย สร้าง sentiment บวกต่อดัชนี โดยมีแนวต้านถัดไปอยู่ที่ 1582 และ 1592 จุด ตามลำดับ ส่วนภาพรวมดัชนียังมีสัญญาณที่ดี โดยการย่อตัวสลับมีแนวรับที่ 1560 และ 1550 จุด ตามลำดับ ใช้เป็นจุดรองรับ |
ประเด็นสำคัญ |
• สหรัฐรายงานตัวเลขเปิดรับสมัครงาน ก.ค. ลดลง 3.38 แสนตำแหน่ง อยู่ที่ 8.827 ล้านตำแหน่ง ต่ำสุดนับตั้งแต่ มิ.ย. 2564 และต่ำกว่าคาดที่ 9.465 ล้านตำแหน่ง • วานนี้โตโยต้าระงับการผลิตที่โรงงาน 12 แห่งในญี่ปุ่นจากทั้งหมด 14 แห่ง เนื่องจากระบบการผลิตทำงานผิดปกติ ส่งผลให้ผลผลิตในประเทศต้องหยุดนิ่ง • พายุอิดาเลียทวีกำลังเป็นเฮอริเคนใกล้ขึ้นฝั่งด้านตะวันตกเฉียงใต้ของฟลอริดา คาดอาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ของพลังงานหลังพายุพัดผ่านไป • พรรคเพื่อไทยระบุนโยบายแจกเงินดิจิทัลจะออกเป็น Utility Token โดยจะหารือกับ ธปท. ช่วยแก้ประกาศให้ชำระค่าสินค้าและบริการได้ คาดช่วยหนุน ศก. ฟื้นตัว และเตรียมต่อยอดสู่นโยบายอื่นๆ • AOT มีแผนสร้างอาคารผู้โดยสารสนามบินดอนเมืองเฟส 3 ใช้งบลงทุนกว่า 3.6 หมื่นลบ. โดยจะเริ่มสร้างในปี 2568 คาดเปิดใช้อาคารใหม่หลังที่ 3 ปลายปี 2570 รองรับผู้โดยสารได้เพิ่มอีก 22 ล้านคนต่อปี หรือเพิ่มเป็น 50 ล้านคนต่อปี • บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชั่น (BRC) ชะลอแผนขายหุ้น IPO ระบุเหตุผลว่าสถานการณ์ตลาดทุนไทย-ต่างประเทศผันผวน • MI Group เอเจนซีโฆษณาคาดเม็ดเงินโฆษณาในปีนี้โตเพียง 2.5%YoY จากเดิมคาด 5%YoY อุปสงค์ใน ปท. ฟื้นตัวต่ำและปัจจัยลบยังมีต่อเนื่อง โดยสื่อโทรทัศน์ลดลงต่อ ส่วนสื่อดิจิทัลโตเด่น |
กลยุทธ์การลงทุน |
มอง SET แกว่งตัวในกรอบ 1550-1600 จุด หลังการเมืองไทยชัดเจนขึ้น โดยคาดภายหลังการจัดตั้ง ครม. ใหม่จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาช่วยหนุนบรรยากาศลงทุนและ Fund Flow แต่อย่างไรก็ดี เรายังคงกังวลภาพรวมเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจีน ซึ่งอาจกดดัน Upside ของ SET ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว |
ล็อคเป้าลงทุน |
Weekly Portfolio : มอง SET มีแรงหนุนจากความคาดหวังเชิงบวกต่อการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ แต่ Upside ยังจำกัดจากความเสี่ยงเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ดังนี้ | 1) หุ้นที่เหมาะลงทุนระยะกลาง แนะนำ 8 หุ้นเด่นใน 4 อุตสาหกรรม ซึ่งคาด 2H66 กำไรจะเติบโต HoH และ YoY เลือก PTT BCP KCE HANA BDMS BCH AOT ERW 2) หุ้นเก็งกำไรที่คาดได้อานิสงส์จากนโยบายเศรษฐกิจทำทันทีหลังพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล เลือก กลุ่มค้าปลีก อาหารและเครื่องดื่ม (TNP CPALL CPAXT BJC OSP HTC) ซึ่งนโยบายแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท พักหนี้เกษตรกรและธุรกิจเฉพาะ รวมทั้งลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน จะทำให้กำลังซื้อภาคครัวเรือนดีขึ้น ช่วยหนุนการเติบโตของยอดขาย 3) หุ้นเก็งกำไรที่คาดได้อานิสงส์ Fund Flow ไหลกลับ เลือก KBANK GULF CRC BGRIM ขณะที่ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT)
Daily Focus |
AH มีจุดเด่นที่มีแผนลงทุนใหม่ๆ และรุกตลาด EV อย่างชัดเจนเพื่อเพิ่มการเติบโตในอนาคต ขณะที่ 3Q66 คาดกำไรดีขึ้น YoY จากการผลิตตามคำสั่งซื้อใหม่ที่เพิ่มขึ้น และ QoQ จากปัจจัยฤดูกาล อีกทั้ง valuation ไม่แพง โดยมี PER 66F ที่ 6.7x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 8.6x GULF 2H66 คาดกำไรปกติเพิ่มขึ้น YoY และ HoH แรงหนุนจากโรงไฟฟ้า IPP อีกแห่งหนึ่ง คือ GPD หน่วยที่ 2 (662.5MW) จะเริ่มดำเนินการใน ต.ค. 66 และส่วนแบ่งกำไรจาก Jackson Generation คาดจะเพิ่มขึ้น HoH เทียบกับขาดทุน 349 ลบ. ใน 1H66 จากราคาไฟฟ้าต่ำ |
บทวิเคราะห์วันนี้ |
กลุ่มปิโตรเคมี – ยังไม่มีข่าวดีสำหรับส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ | AH – 3Q66 จะปรับตัวดีขึ้นเพราะปัจจัยฤดูกาล การลงทุนใหม่ๆ จะให้ผลตอบแทนในปี 2567
PDF คลิกอ่านเพิ่มเติม Daily230830_T