สวัสดีตอนเช้า - ยังผันผวนสูง

ยังผันผวนสูง

ประเด็นสำคัญ

• ที่ประชุม ครม. เศรษฐกิจอนุมัติมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวผ่านการลดหย่อนภาษีสูงสุด 1.5 เท่าและการเร่งเบิกจ่ายสัมมนา และเร่งรัดการเบิกจ่ายงบฯ ปี 2569 ตั้ง KPI เบิกจ่ายงบประจำและงบลงทุนไม่ต่ำกว่า 93% และ 75% ในสัปดาห์หน้าคาดจะพิจารณา Action Plan ของกระทรวงพลังงาน และของกระทรวงพาณิชย์ในการประชุมครั้งถัดไป
• ส.อ.ท. เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ก.ย. 2568 ที่ 87.8 เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน สะท้อนความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลใหม่ซึ่งมีแนวทางกระตุ้น ศก. ที่ต่อเนื่อง และคาดจะเพิ่มขึ้นต่อหนุนจาก “คนละครึ่งพลัส” ส่วน FDI ช่วง 8M68 ที่ 2.25 แสนลบ. เพิ่มขึ้น 125%YoY โดย 1 ใน 3 ของเม็ดเงินลงทุนใน EEC
• รมว. พลังงานได้เชิญ กฟผ. กฟน. และ BOI เข้าหารือโครงการ Direct PPA จำนวน 2,000MW ซึ่งคาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนกว่า 6.5 หมื่นลบ. และสร้างงาน 3,000 ตำแหน่ง เพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าภาคอุตฯ โดยเฉพาะใน EEC และ Data Center ทั้งนี้ได้มอบหมาย กกพ. ดำเนินการ คาดจะเริ่มได้ใน ม.ค. 2568 นี้
• รมว. คลังเผยความคืบหน้าการตรวจสอบเส้นทางการเงินของเงินสีเทาซึ่งอาจมีส่วนทำให้บาทแข็งค่า อยู่ระหว่างการกำหนดกรอบกติกาการทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เช่น ก.ล.ต. และ ปปง. ทั้งนี้คาดจะได้ข้อสรุปภายใน ธ.ค. 2568 และจะนำรายงานต่อ คกก. นโยบายเศรษฐกิจ
• ททท. แต่งตั้ง “ลิซ่า” ศิลปินระดับโลกเป็น Amazing Thailand Ambassador เพื่อโปรโมทการท่องเที่ยวไทยสู่นานาชาติ คาดจะช่วยหนุนกระแสท่องเที่ยวไทยในช่วงไฮซีซันระหว่างปลายปี 2568 ถึงต้นปี 2569
• CPI ของจีน ก.ย. 2568 หดตัว 0.3%YoY หดตัวสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ และ PPI หดตัว 2.3%YoY ต่อเนื่อง 36 เดือน สะท้อนจีนเผชิญแรงกดดันจากภาวะเงินฝืดแม้รัฐบาลพยายามควบคุมและอุปสงค์ในประเทศที่ซบเซา

CPI ของจีน ก.ย. 2568 หดตัว 0.3%YoY หดตัวสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ และ PPI หดตัว 2.3%YoY ต่อเนื่อง 36 เดือน สะท้อนจีนเผชิญแรงกดดันจากภาวะเงินฝืดแม้รัฐบาลพยายามควบคุมและอุปสงค์ในประเทศที่ซบเซา

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสแกว่งตัวไซด์เวย์รอปัจจัยหนุนใหม่ๆ ปัจจัยในประเทศติดตามรัฐบาลมีแผนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทุกสัปดาห์ซึ่งคาดจะมีส่วนช่วยประคองตลาด ในสัปดาห์นี้คาด รมว. คลังจะเสนอ ครม. พิจารณามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวเมืองรอง ส่วนปัจจัยต่างประเทศ คาดกรณีสหรัฐฯ ขึ้นภาษีกับจีน 100% มีท่าทีประณีประนอมมากขึ้น ประเมินผลกระทบต่อหุ้นไทยจำกัด แต่ความผันผวนของตลาดมีโอกาสเพิ่มขึ้น ติดตามตัวเลขส่งออก ต.ค. 2568 ของจีนซึ่งตลาดคาด +5.2%YoY สูงขึ้นจากเดือนก่อนที่ +4.4%YoY และตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ อาทิ CPI, PPI และยอดค้าปลีก ก.ย. 2568 แม้ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น MoM แต่การชัตดาวน์หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ อาจทำให้งดเผยแพร่ได้ซึ่งอาจทำให้ตลาดขาดข้อมูลชี้นำ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”

 

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวในกรอบรอปัจจัยหนุนใหม่ ติดตามมาตรการกระตุ้น ศก. ใหม่ และการรายงานตัวเลข ศก. สำคัญในต่างประเทศ กลยุทธ์ลงทุนแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีม
หลักและ 3 ธีมเทรดดิ้ง ดังนี้

1. หุ้น Earning Play ซึ่งคาดผลการดำเนินงาน 3Q68 จะยังเติบโตดีทั้ง QoQ และ YoY และเราแนะนำ Outperform จากแนวโน้มธุรกิจดีและราคาหุ้นยังมี Upside ได้แก่ ADVANC BCP KTB LHSC OR PTT TRUE
2. หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง โดยเราคาด กนง. จะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายปีนี้อีก 1 ครั้งในเดือน ธ.ค. และปีหน้า 2 ครั้งในช่วง 1H69 อาทิ หุ้นที่จะมีต้นทุนการเงินลดลงเพราะมีภาระหนี้สินซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูง แนะนำ CENTEL GPSC TRUE และหุ้นที่จะมีต้นทุนการดำเนินการลดลง หรือ กำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น แนะนำ AP MTC TIDLOR

Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร 1) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากรัฐมีแผนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอื่นๆ เพิ่ม แนะนำ ท่องเที่ยว (CENTEL ERW) จากมาตรการเที่ยวเมืองรอง, ไฟแนนซ์ (MTC TIDLOR) จากมาตรการพักหนี้และให้สินเชื่อรายย่อย, นิคม (WHA AMATA) และโรงไฟฟ้า (GULF BGRIM BCPG) จากมาตรการหนุนพลังงานสะอาดและการลงทุน Data Center 2) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์เงินบาทอ่อนค่า แนะนำ KCE HANA TU และ 3) หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากกำลังซื้อดีขึ้น โครงการคนละครึ่งพลัสและรัฐบาลมีแผนผลักดันนโยบายสร้างรายได้ลดค่าครองชีพ แนะนำ CPAXT และ BJC (มีฐานลูกค้าโชห่วย ร้านอาหาร), TNP (เป็นร้านธงฟ้า), CPALL, CBG, OSP, ICHI

 

Daily Top Picks

KTB: มีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากกำไรสุทธิ 3Q68 คาดจะแข็งแกร่งสูงที่สุดในกลุ่ม จากการประเมินกําไร FVTPL จากเงินลงทุนใน THAI 1.4 หมื่นลบ. (1 บาท/หุ้น) KTB มีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ตํ่ากว่าธนาคารใหญ่อื่นๆ มี ROE ที่ดีกว่า Valuation ถูก และคาด Div. Yield ปี 2568 ที่ราว 6.3% เป้าหมายระยะสั้น 26.50 บาท

CPAXT: มีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากการเป็นหุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากโครงการคนละครึ่งพลัส คาดผลประกอบการ 2H68 จะเพิ่มขึ้นได้จาก 1H68 หนุนจากยอดขายที่สูงขึ้นตามการขยายสาขา และ SSS ที่ดีขึ้น ช่วยผลักดันให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น คาดกำไรปกติปี 2568 จะเติบโตได้ 5%YoY ราคาเป้าหมายระยะสั้นที่ 22.30 บาท

 

Still volatile

 

The SET is expected to move sideways on perception of relaxed trade tension between the US and China as their leaders will meet at APEC in South Korea. The best case is cancellation of the tariffs on China. Assuming US inflation does not accelerate, an expected cut in interest rate by the Fed by the end of this month is driving Asian stock markets. Resistances are at 1300/1310 and supports at 1274/1270.

 

Today’s highlights

•  The Economic Cabinet approved tourism stimulus measures through tax deductions of up to 1.5x and accelerated seminar disbursements, and expedited FY2026 budget disbursement with KPIs set for regular and investment budget spending at no less than 93% and 75% respectively. Next week, the Cabinet is expected to consider action plans from the Ministry of Energy and the Ministry of Commerce.
• The FTI reported the Industrial Confidence Index for Sep 2025 at 87.8, the first rise in 7 months, reflecting confidence in the new government's economic stimulus. A further rise is expected, supported by the Half-Half Plus program. FDI in 8M25 reached Bt225bn, up 125%YoY, with one-third of the investment going to the EEC.
• The Minister of Energy invited EGAT, EGCO, and BOI to discuss the Direct PPA project of 2,000MW, which is expected to require investment of over Bt65bn and create 3,000 jobs to support industrial electricity demand, particularly in the EEC and data centers. The ERC has been assigned to proceed, with operations expected to begin in Jan 2026.
• The Minister of Finance said it has made progress in its investigation of grey money flows that may have contributed to the baht strengthening. A working framework is being established in coordination with the SEC and AMLO, with results expected by Dec 2025, after which a report will be submitted to the Economic Policy Committee.
• The TAT has appointed Lisa, a world-class artist, as an Amazing Thailand Ambassador to promote Thai tourism internationally. This is expected to boost Thai tourism during the high season from late 2025 to early 2026.

 

Strategy today

In the short term, the SET is expected to move sideways as it waits for new catalysts. Watch for new economic stimulus from the government, which has said it will announce new programs every week. This week the Ministry of Finance is expected to announce a package to support tourism in secondary provinces. Externally, Trump’s raise in tariffs on China by 100% is seen as open to compromise and thus will have limited impact on the Thai market though it may raise volatility. Watch the release of China exports in Sep 2025, which are expected to grow 5.2%YoY, higher than August’s +4.4%YoY and US CPI, PPI and retail sales in Sep 2025. Although the market expects US retail sales to grow MoM, the US shutdown may postpone release of data, eliminating the market’s leading indicators. Our investment strategy is "Selective Buy".

 

Trading today

In the short term the SET is expected to be range-bound. Key an eye on new stimulus and key economic figures from overseas. Our investment strategy is "selective buy" in two main and three trading themes:

1. Earnings plays whose 3Q25 earnings are expected to grow YoY and QoQ, and on which we recommend Outperform with price upside - ADVANC, BCP, KTB, LHSC, OR, PTT and TRUE.
2. Stocks that benefit from the interest rate downcycle as we expect the MPC to cut interest rate once more this year and twice next year: companies that benefit from lower financial cost as they carry a high proportion of floating-rate debt (CENTEL, GPSC, TRUE), and those whose operating costs are reduced and/or that benefit from higher purchasing power – AP, MTC and TIDLOR.
3. Trading idea: For high-risk-takers who want to speculate: 1) those who benefit from stimulus apart from consumption – Tourism (CENTEL, ERW), Finance (MTC, TIDLOR), Industrial Estates (WHA, AMATA) and Utilities (GULF, BGRIM, BCPG); 2) those benefiting from baht weakening (KCE, HANA, TU); and 3) those benefiting from higher purchasing power from the “Half-Half Plus” and other programs aimed at raising income and cutting cost of living – CPAXT and BJC (traditional retailers are a customer base), TNP (Thong Fah, shops), CPALL, CBG, OSP and ICHI.

Daily Top Picks

KTB: Short-term catalyst on expectations that its 3Q25 net profit will show the strongest growth of peers due to estimated FVTPL of Bt14bn from its investment in THAI (Bt1/share). It also has lower quality asset risk than other banks. KTB also has a higher ROE and more attractive valuation. 2025 dividend yield is expected to be 6.3%. Short-term TP is Bt26.50.

CPAXT: Short-term catalyst on expectations it will gain from the “Half-half Plus”. 2H25 profit is expected to accelerate from 1H25, driven by higher sales from branch expansion and higher SSS, which also drives gross margin. 2025 core profit is expected to grow 5%. Short-term TP is Bt22.30.

 

Download EN version click >> Daily251016_E.pdf