สวัสดีตอนเช้า - ยังผันผวนสูงในกรอบ

 ยังผันผวนสูงในกรอบ

 

ประเด็นสำคัญ

• ประชาชนใช้สิทธิ์ลงทะเบียน “คนละครึ่งพลัส” ครบ 20 ล้านเสียงในวันเปิดลงทะเบียนวันแรก รมว. คลังกำลังพิจารณาขยายสิทธิ์เพิ่มเติม หากมีผู้รับสิทธิ์ไม่ใช้จ่ายภายในวันที่ 11 พ.ย. นี้ สิทธิ์ดังกล่าวจะถูกโอนไปให้ประชาชนรายใหม่ในเฟสต่อไปใน ม.ค. 2569
• รมว. พลังงานประกาศลดราคาเบนซินและดีเซลเพิ่มเติมอีก 30 และ 50 สต./ลิตร ตามลำดับ มีผลในวันนี้ และได้เสนอให้ที่ประชุม ครม. เศรษฐกิจและมีมติเห็นชอบ 3 มาตรการลดค่าครองชีพผ่านการลดค่าไฟฟ้า คือ โครงการประมูล Direct PPA, 4 โครงการโซลาร์ และการสร้างความยั่งยืนรองรับ Net Zero 2050 ซึ่งรวมถึงการเร่งปรับปรุงแผน PDP ทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย Quick Big Win
• จีนเผยตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญใน ก.ย. 2568 ส่วนใหญ่สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ ได้แก่ 3Q68 GDP ของจีนขยายตัว 4.8%YoY, ยอดค้าปลีกใน ก.ย. 2568 ขยายตัว 3.0%YoY และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมใน ก.ย. 2568 ขยายตัว 6.5%YoY แต่การลงทุนสินทรัพย์ถาวรช่วง 9M68 พลิกหดตัว 0.5%YoY ผิดจากที่ตลาดคาดว่าจะขยายตัว 0.1%YoY
• การประชุม รมต. พลังงานของ EU มีมติเห็นชอบข้อเสนอการยุติการนำเข้าพลังงานจากรัสเซียโดยสมบูรณ์ก่อนวันที่ 1 ม.ค. 2571 โดยข้อเสนอดังกล่าวจะถูกนำเสนอต่อที่ประชุมสภาสหภาพยุโรปเพื่อเห็นชอบอีกครั้ง ปัจจุบัน EU นำเข้าก๊าซฯ จากรัสเซียเพียง 12% ของการนำเข้าทั้งหมด จากในปี 2565 ที่เคยนำเข้าในสัดส่วน 45%
• ผู้ให้บริการระบบ Cloud AWS ของ Amazon (AMZN.US) เกิดเหตุขัดข้องครั้งใหญ่ ทำให้เว็ปไซด์และแอปฯ หลายพันแห่งทั่วโลก รวมถึง Snapchat และ Reddit ได้รับผลกระทบ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นเวลาหลายชั่วโมงก่อนที่ระบบต่างๆ กลับมาใช้งานได้ เป็นเหตุชะงักทางอินเตอร์เน็ตครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เหตุการณ์ CrowdStrike ในปี 2567

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวผันผวนในกรอบ 1270-1320 ประเมินความเสี่ยงหลัก คือ สงครามการค้าสหรัฐฯ กับจีนจะมีต่อเนื่องจนกว่าทั้งสองฝ่ายจะเจรจาในช่วงก่อนประชุม APEC ปลายเดือน ต.ค. นี้, การประชุม คกก. พรรคคอมมิวนิสต์จีน (20–23 ต.ค.) คาดจะส่งสัญญาณสนับสนุนด้านเทคโนโลยี, การบริโภค และจำกัดการเพิ่มขึ้นของกำลังการผลิตใหม่, เงินเฟ้อ ก.ย. ของสหรัฐฯ (24 ต.ค.) อาจมีผลต่อตลาดไม่มากนัก โดยมองเฟดมีแนวโน้มลดดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้ และงบ 3Q68 ของ บจ. สหรัฐฯ มีแนวโน้มออกมาดีกว่าตลาดคาด โดย 6 ใน 11 กลุ่มอุตสาหกรรมคาดจะปรับตัวขึ้น YoY ได้ ด้านปัจจัยในประเทศติดตามแผนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มของรัฐบาล, ตัวเลขส่งออกไทย ก.ย. 2568 ที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง และงบ 3Q68 ของ บจ. ไทย โดยกลุ่มธนาคารใหญ่จะประกาศงบสัปดาห์หน้าและถัดไปจะเป็นกลุ่ม Real Sector

 

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวผันผวนจากความเสี่ยงภายนอกเป็นหลัก กลยุทธ์ลงทุนแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีมหลักและ 3 ธีมเทรดดิ้ง ดังนี้
1. หุ้น Earnings Play ซึ่งคาดผลการดำเนินงาน 3Q68 จะยังเติบโตดีทั้ง QoQ และ YoY และเราแนะนำ Outperform จากแนวโน้มธุรกิจดีและราคาหุ้นยังมี Upside ได้แก่ ADVANC BCP KTB LHSC OR PTT TRUE
2. หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง โดยเราคาด กนง. จะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายปีนี้อีก 1 ครั้งในเดือน ธ.ค. และปีหน้า 2 ครั้งในช่วง 1H69 อาทิ หุ้นที่จะมีต้นทุนการเงินลดลง เพราะมีภาระหนี้สินซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูง แนะนำ CENTEL GPSC TRUE และหุ้นที่จะมีต้นทุนการดำเนินการลดลง หรือ กำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น แนะนำ AP MTC TIDLOR
3. Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์ค่าเงินบาทอ่อนค่าในช่วงที่ผ่านมา แนะนำ TU GFPT KCE HANA 2) หุ้นที่มีโอกาสได้ประโยชน์จากสงครามการค้าจีน-สหรัฐมีความตึงเครียดเพิ่มขึ้น แนะนำ WHA AMATA FTREIT และ 3) หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากกำลังซื้อที่จะดีขึ้น จากรัฐผลักดันนโยบายสร้างรายได้ ลดค่าครองชีพ แนะนำ CPALL CPAXT และ BJC

 

Daily Top Picks

KTB: มีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากโมเมนตัมกำไรสุทธิ 3Q68 คาดจะเติบโตสูงที่สุดในกลุ่ม เนื่องจากประเมินกําไร FVTPL จากเงินลงทุนใน THAI 1.4 หมื่นลบ. (1 บาท/หุ้น) KTB มีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ตํ่ากว่าธนาคารใหญ่อื่นๆ มี ROE ที่ดีกว่า Valuation ถูก และคาด Div. Yield ปี 2568 ที่ราว 6.3% เป้าหมายระยะสั้น 26.50 บาท

HANA: มีปัจจัยกระตุ้นสั้นจากการฟื้นตัวของหุ้นอิเล็กทรอนิคส์ในต่างประเทศ ความหวังต่อสินค้าใหม่ด้าน AI อย่าง Solid-state Cooling Device ที่บริษัทจะติดตั้งสายการผลิตใน 4Q68 และเริ่มผลิตใน 1H69 เป็นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับ AI ที่มีโอกาสหนุนผลประกอบการในอนาคตและมีศักยภาพในการเติบโต เป้าหมายระยะสั้นที่ 24.60 บาท

 

 

Wild swings

 

The SET is expected to move sideways and swing between upper bounds at 1290/1300 and supports of 1270/1266. Keep an eye on the meeting between the US Secretary of the Treasury and Vice Premier of China and China’s Communist Party 4th Plenum, while the Fed is expected to cut interest rate at the end of the month. Today the Cabinet will consider tourism stimulus packages after yesterday approving energy measures, mostly solar projects.

 

Today’s highlights

• The Half-Half Plus program reached its full 20mn quota on the first day of registration. The Minister of Finance is considering expanding eligibility further. If eligible recipients do not utilize their benefits by November 11, those rights will be transferred to new recipients in the next phase in Jan 2026.
• The Minister of Energy announced additional fuel price reductions of Bt0.30 and Bt0.50 per liter for gasoline and diesel respectively, effective today. The Economic Cabinet meeting approved three cost of living reduction measures: a direct PPA auction, four solar projects and sustainability development supporting Net Zero 2050, including accelerated PDP plan revisions as part of the Quick Big Win policy.
• China released key Sep 2025 economic data, mostly exceeding market expectations: 3Q25 GDP grew 4.8%YoY, Sep retail sales expanded 3.0%YoY and Sep industrial output grew 6.5%YoY. However, fixed asset investment in 9M25 contracted 0.5%YoY, contrary to market expectations of 0.1%YoY growth.
• The EU Energy Ministers meeting approved a proposal to cease energy all imports from Russia before January 1, 2028. The proposal will be presented to the European Council for final approval. Currently, the EU imports only 12% of its gas from Russia, down from 45% in 2022.
• Amazon's (AMZN.US) AWS cloud service experienced a major outage, affecting thousands of websites and applications worldwide, including Snapchat and Reddit. The disruption lasted several hours before systems were restored, the largest internet disruption since the CrowdStrike incident in 2024.

 

Strategy today

In the short term, the SET is expected to fluctuate between 1270-1320 with the main risk being US-China trade tension, which is expected to continue until talks before the APEC meeting at the end of October. Other issues: a) China’s Communist Party’s 4th plenum (Oct 20-23), which is expected to signal support for technology, consumption and limits on new production capacity; b) US CPI in Sep (Oct 24), which may not significantly affect markets as they expect the Fed to cut interest rate by the end of this year; and 3) 3Q25 earnings of US listed companies, expected to beat consensus as 6 out of 11 industries are expected to grow YoY. At home, follow additional economic stimulus measures, exports in Sep 2025 and 3Q25 earnings of listed companies. Banks will report this week, and rest will begin announcing results the following week. Our investment strategy is "Selective Buy".

 

Trading today

In the short term the SET is expected to fluctuate, pressured by external factors. Our investment strategy is "selective buy" in two main and three trading themes:
1. Earnings plays whose 3Q25 earnings are expected to grow YoY and QoQ, and on which we recommend Outperform with price upside - ADVANC, BCP, KTB, LHSC, OR, PTT and TRUE. 
2. Stocks that benefit from the interest rate downcycle as we expect the MPC to cut interest rate once more this year and twice next year: companies that benefit from lower financial cost as they carry a high proportion of floating-rate debt (CENTEL, GPSC, TRUE), and those whose operating costs are reduced and/or that benefit from higher purchasing power – AP, MTC and TIDLOR.
3. Trading idea: For high-risk-takers who want to speculate: 1) stocks expected to benefit from a weaker baht – TU, GFPT, KCE, HANA; 2) stocks that may benefit from higher trade tension between US and China – WHA, AMATA and FTREIT; and 3) stocks expected to benefit from higher purchasing power, stimulated by the government policies – CPALL, CPAXT and BJC.

Daily Top Picks

KTB: There is a short-term catalyst on its expected sector outperformance in profit in 3Q25, driven by FVTPL gain from investment in THAI of Bt14bn (Bt1/share). It has the sector’s lowest asset quality risk and higher ROE. Valuation is attractive with 2025 dividend yield of 6.3%. Short-term TP is Bt26.50.

HANA: There are short-term catalysts following recovery of offshore electronics stocks and expectations for an AI-related product, a solid-state cooling device, for which a production line will be constructed in 4Q25 and production start in 1H26. The product is expected to raise earnings growth. Short-term TP is Bt24.60.

 

Download EN version click >> Daily251021_E.pdf