“เคลื่อนไหวในกรอบ 1590-1610 จุด"
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาด SET เคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1590-1610 จุด โดยคาดแรงขายหุ้น DELTA ที่กดดันดัชนีเมื่อวาน จะลดน้อยลง ขณะที่กลุ่มพลังงาน และตัวหลักอื่น ช่วยประคองตลาด อย่างไรก็ตาม ตลาดยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ ทำให้กรอบบนถูกจำกัด ด้านจุดติดตามยังอยู่ที่1590 จุด หากต่ำกว่า เป็นสัญญาณลบต่อการพักฐาน
ประเด็นสำคัญ
กลยุทธ์การลงทุน
แม้ช่วงสั้นตลาดจะคลายกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของวิกฤตธนาคารในสหรัฐฯ และยุโรป แต่เชิงเทคนิคตลาดเข้าสู่ภาวะ overbought บวกกับ มุมมองที่แตกต่างกันระหว่างเฟดและตลาดเกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยอาจนำไปสู่ความผันผวนของตลาดในระยะถัดไป อีกทั้งโดยปกติเดือน เม.ย. วอลุ่มเฉลี่ยต่อวันของตลาดส่วนใหญ่จะปรับตัวลดลง MoM เนื่องจากนักลงทุนมักจะชะลอการเข้าลงทุนจากการมีวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ จึงทำให้มองช่วงสั้นนี้ SET จะเริ่มมี Upside จำกัดและมีโอกาสพักตัว กลยุทธ์การลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : มอง SET มี Upside จำกัดและมีโอกาสพักตัว หลังเข้าสู่ภาวะ Overbought และใกล้วันหยุดยาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้น Best of the best ภายใต้วิกฤติการเงินในสหรัฐและยุโรป ซึ่งมีพื้นฐานและฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีกำไรในปี 2566-67 เติบโตเฉลี่ยสูงกว่ากำไรของกลุ่มหุ้นที่เราแนะนำ Outperform และ Valuation ไม่แพง โดยซื้อขายด้วย PER และ PBV เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่บริเวณ -1.0 ถึง -2.0 S.D. ทำให้คาด Downside เริ่มจำกัด จึงมองเป็นโอกาสซื้อสะสม เลือก AU BBL BDMS CPALL GULF
2. Trading Idea : หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ไทยหลังราคาหุ้นยังไม่ค่อยปรับขึ้น เมื่อเทียบกับดัชนีกลุ่ม Semiconductor ในสหรัฐที่ปรับขึ้นแรง ขณะทีผลประกอบคาดจะผ่านจุดต่ำสุดใน 1Q66 เลือก KCE HANA
3. หุ้นปันผล ซึ่งจากข้อมูลย้อนหลัง 11 ปี (ปี 2011-2022 ยกเว้นปี 2020) พบมี 2 หุ้นปันผลดีที่อยู่ภายใต้การดูแลของเราซึ่งให้ผลตอบแทนบวกและมี Win Rate เกิน 50% ในเดือน เม.ย. ได้แก่ SPALI (ปันผลหุ้นละ 0.75 บาท) และ LH (ปันผลหุ้นละ 0.35 บาท) ซึ่งจะมีการขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 8 พ.ค.
ขณะที่ล่าสุดแนะนำให้ขายทำกำไรสำหรับหุ้นที่เคยแนะนำให้เข้าซื้อเก็งกำไรในช่วงที่ SET หลุด 1600 จุดก่อนหน้านี้ ได้แก่ PTTEP HMPRO CPALL SCGP GULF หลัง SET กลับไปบริเวณ 1600 ตามเป้าหมายแล้ว
Daily Focus
BDMS ปี 2566 คาดกำไรปกติเติบโต 12%YoY แรงหนุนจากบริการที่ไม่เกี่ยวกับโควิด-19 และบริการผู้ป่วยต่างชาติที่เติบโตมากขึ้น อีกทั้งมีประเด็นบวก คือ ความร่วมมือกับ Ping An Health ที่น่าจะทำให้ผู้ป่วยจีนเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนมากขึ้นใน 3Q66
AH ปี 2566 คาดกำไรปกติเติบโต 8%YoY สู่ 1.8 พันลบ. แรงหนุนจากคำสั่งซื้อชิ้นส่วน OEM ใหม่ที่รวมถึงชิ้นส่วนรถ EV ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อีกทั้ง valuation น่าสนใจ โดยเทรดที่ PER 66F ที่ 6.1 เท่า เทียบกับ 7.9 เท่า สำหรับ SAT และ 8.5 เท่า สำหรับ STANLY
PDF อ่านเพิ่มเติม คลิก sawasdee04042023