Keyword
PDF Available  
Macro Making Sense

Macro Making Sense – 9 มิ.ย. 2568

By ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์|9 Jun 25 8:28 AM
สรุปสาระสำคัญ

สรุปประเด็นเงินเฟ้อไทยหดตัว -0.57%YoY การจ้างงานนอกภาคเกษตรชะลอตัว สรุปประเด็นเสวนาการเมือง พัฒนาการการเจรจาภาษีการค้า

  • เงินเฟ้อไทยเดือนพฤษภาคม 2025 หดตัว -0.57% YoY ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ -0.87% โดยมีปัจจัยฉุดหลักคือราคาพลังงาน (ค่าไฟฟ้า แก๊สโซฮอล์ เบนซิน) ที่ลดลงตามราคาน้ำมันโลกและมาตรการลดค่า Ft ราคาอาหารสด (ผัก ผลไม้ ไข่ไก่) ที่ลดลงจากผลผลิตเพิ่มขึ้น และโปรโมชันค้าปลีกต่อเนื่อง ขณะที่ปัจจัยหนุนคือราคาหมูและวัตถุดิบอาหารบางรายการ (มะพร้าว มะขามเปียก กาแฟ น้ำมันพืช) ที่ปรับตัวขึ้น แนวโน้มข้างหน้าเงินเฟ้อไทยจะยังคงทรงตัวในระดับต่ำต่อเนื่องจากราคาน้ำมันโลกที่ยังอ่อนตัว มาตรการลดค่า Ft ที่ยืดเยื้อถึงสิงหาคม อุปสงค์ในประเทศที่ยังเปราะบาง และต้นทุนการผลิตที่ลดลงจากราคาสินค้าขั้นกลางทั้งนี้ เราคงมุมมองว่า เงินเฟ้อทั่วไปในปี 2025 จะยังคงอยู่ในระดับต่ำ และคาดว่าจะเติบโต +0.5% YoY ใกล้เคียงกับกรอบคาดการณ์ใหม่ของกระทรวงพาณิชย์ที่ 0.0–1.0% จากกระทรวงพาณิชย์เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนก่อนที่ 0.3 – 1.3%
  • ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรชะลอตัวลง บ่งชี้เศรษฐกิจชะลอตัวการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ เดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้น 139,000 ตำแหน่ง ดีกว่าคาดการณ์ที่ 126,000 แต่ชะลอลงจากเดือนก่อน และเมื่อรวมกับการปรับลดตัวเลขย้อนหลังของเมษายน-มีนาคมรวม 95,000 ตำแหน่ง ทำให้ค่าเฉลี่ย 3 เดือนอยู่ที่ 135,000 ตำแหน่ง สะท้อนการชะลอตัวชัดเจนจากระดับ 200,000-300,000 ตำแหน่งในปี 2023 การจ้างงานเพิ่มขึ้นหลักในกลุ่ม Healthcare และ Leisure & Hospitality (คิด 90% ของการเพิ่มขึ้น) ขณะที่ Professional Services, Manufacturing, Retail และภาครัฐลดลง อัตราว่างงานคงที่ 4.2% แต่เกิดจากผู้คนออกจากตลาดแรงงาน 625,000 ราย มากกว่าการลดลงของการจ้างงานตาม Household survey 696,000 ราย ทำให้อัตราการมีส่วนร่วมในกำลังแรงงานลดเหลือ 62.4% สัญญาณนี้บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเข้าสู่ภาวะ Soft-landing ที่ชัดเจนขึ้น โดยคาดว่าอัตราว่างงานอาจปรับเพิ่มสู่ 4.3% หรือสูงกว่า และการชะลอตัวจะกระทบภาคการผลิต ค้าปลีก บริการ และการจ้างงานภาครัฐอย่างรุนแรงขึ้นในระยะถัดไป
  • สรุปประเด็นเสวนาการเมือง จากการเสวนา INVX Event กับ ศ. ดร. สิริพรรณ นกสวน สวัสดี สรุปได้ว่า (1) การเมืองไทยปัจจุบันแบ่งเป็น "สองก๊วน" คือก๊วนรัฐบาลผสม (เพื่อไทย+อนุรักษ์นิยมเดิม) และก๊วนฝ่ายค้าน (ก้าวไกล-ประชาชน) โดยพรรคเพื่อไทยต้องการยึดกระทรวงมหาดไทยคืนจากภูมิใจไทยเพื่อขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่กระตุ้นเศรษฐกิจ (2) คดีความสำคัญหลายคดี (สว., ประชาชน 44 ส.ส., ชั้น 14 ทักษิณ) จะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพการเมือง โดยการยุบสภาอาจเกิดขึ้นเร็วสุดในไตรมาสแรกปี 2569 หากรัฐบาลเผชิญแรงกดดัน (3) งบประมาณปี 2569 มีปัญหาเนื่องจากขาดโครงการใหญ่ทดแทนดิจิทัลวอลเล็ตที่ถูกยกเลิก (4) ด้านต่างประเทศ นโยบาย "Tough" ของทรัมป์และสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ จะส่งผลกระทบต่อไทย ซึ่งต้องลดการพึ่งพาจีนและยืนหยัดในผลประโยชน์ชาติ โดยเฉพาะประเด็นการสวมสิทธิ์สินค้า ขณะที่ความไม่มั่นคงทางการเมืองภายในทำให้ "ทีมไทยแลนด์" ไม่แข็งแกร่งพอรับมือภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ซับซ้อนขึ้น
  • พัฒนาการการเจรจาภาษีการค้าระหว่างไทย สหรัฐฯ และการเมืองโลก รองนายกฯ พิชัย ชุณหวชิร ประกาศว่าสหรัฐฯ ตอบรับการเจรจาภาษีกับไทยอย่างเป็นทางการแล้ว โดยไทยนำเสนอข้อเสนอ 5 ประการ ได้แก่ ความร่วมมือธุรกิจอาหารแปรรูป การเพิ่มนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ (พลังงาน เครื่องบิน อาวุธ เกษตร) การเปิดตลาดลดอุปสรรคการค้า การบังคับใช้กฎหมายถิ่นกำเนิดสินค้าเคร่งครัด และการส่งเสริมการลงทุนไทยในสหรัฐฯ ทั้งนี้ เรามองว่า โอกาสความสำเร็จของการเจรจาและการลดภาษีเหลือ 10% มีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากข้อเสนอไทยสอดคล้องกับนโยบายทรัมป์ แต่การทันเส้นตาย 9 กรกฎาคม เป็นความท้าทาย ขณะที่สงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ยังตึงเครียดสูงแม้มีการเจรจาที่ลอนดอน 9 มิถุนายน ด้วยความขัดแย้งประเด็นเซมิคอนดักเตอร์ แร่ธาตุหายาก และวีซ่านักศึกษา ทั้งนี้ ภาพรวมสงครามการค้าโลกที่มีความผันผวนสูง จะสร้างแรงกดดันให้ประเทศต่างๆ รวมทั้งไทยต้องปรับตัวเพื่อลดผลกระทบจากมาตรการภาษีที่อาจเพิ่มขึ้นหากการเจรจาไม่สำเร็จ
Author
Slide3
ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์

หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5