Keyword
PDF Available  
Macro Making Sense

สหรัฐจ้างงานต่ำ แต่เรายังมองคงดอกเบี้ย

By ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์|4 Aug 25 8:01 AM
สรุปสาระสำคัญ

- สหรัฐจ้างงานต่ำ แต่เรายังมองคงดอกเบี้ย

- สงครามการค้าโลกใหม่และผลต่อเศรษฐกิจไทย

- โอกาสการยุบสภาก่อนผ่านงบประมาณเพิ่มขึ้น

  • บทวิเคราะห์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา 2025
  • สหรัฐสร้างงานใหม่เพียง 73,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าคาดมาก ขณะที่อัตราว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 4.2% ตรงตามคาด แต่ค่าแรงเฉลี่ยเพิ่มขึ้นสูงกว่าเงินเฟ้อ นอกจากนั้น การจ้างงานของสองเดือนก่อนหน้าปรับลดลง 258,000 ตำแหน่ง เรามองว่า แม้การจ้างงานในเดือนนี้ต่ำกว่าคาดมาก แต่เป็นการปรับตัวเลขให้เข้ามาอยู่ในระดับเดียวกับ ADP นอกจากนั้น การปรับตัวเลขจ้างงานจำนวนมากบ่งชี้ว่าการจัดเก็บตัวเลขมีปัญหา ทำให้เราเชื่อมั่นตัวเลขการจ้างงานได้น้อยลง และอาจต้องพิจารณาอัตราว่างงาน (ที่ปรับขึ้นเล็กน้อย) แทน ซึ่งภาพการจ้างงานที่ชะลอลงและการว่างงานที่เริ่มเพิ่มขึ้น ขณะที่อัตราค่าจ้างที่เร่งตัว ขณะที่อัตราเงินเฟ้อเริ่มเพิ่มขึ้น เป็นสัญญาณ Mild stagflation ประกอบกับการที่ (1) เงินเฟ้อเป็นขาขึ้น (2) Fed กังวลต่อความผิดพลาดในอดีตที่เริ่มขึ้นดอกเบี้ยช้าเกินไปจนเงินเฟ้อพุ่งทะยานแล้วต้องขึ้นดอกเบี้ยแรงภายหลัง (Transitional inflation)(3) ดอกเบี้ย FFR อ่อนไหวต่ออัตราว่างงานน้อยกว่า และ (4) ศก. สหรัฐ ยังแข็งแกร่ง ทำให้ Fed น่าจะคงดอกเบี้ยต่อเนื่องในมุมมองของเรา
  • สงครามการค้าโลกใหม่และผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย สงครามการค้าโลกใหม่ภายใต้ระบบ "Imperial Preference" ของทรัมป์กำลังเปลี่ยนแปลงโลกการค้าระหว่างประเทศ โดยสหรัฐฯ กำหนดอัตราภาษีที่แตกต่างกันตามความสัมพันธ์ทางการเมือง ซึ่งอัตราภาษีเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นเป็น 18% ในวันที่ 7 สิงหาคม สูงกว่าปีที่แล้ว 8 เท่า ขณะที่ไทยได้รับอัตราภาษี 19% ลดจาก 36% เท่ากับมาเลเซีย-อินโดนีเซีย แต่ต้องแลกด้วยการยกเลิกภาษีสินค้าจากสหรัฐ 90%, ลดเกินดุลการค้า 70% ใน 5 ปี รวมถึงอาจต้องเปิดเสรีการลงทุนให้นักลงทุนสหรัฐ
  • แม้การศึกษาจาก Goldman Sachs พบว่า 4 ใน 5 ส่วนของต้นทุนภาษีตกอยู่กับผู้บริโภคและบริษัทอเมริกัน แต่ครั้งนี้บริษัทต่างชาติยอมแบ่งรับภาระมากขึ้นเนื่องจากฐานะการเงินแข็งแกร่งกว่าเดิม ในส่วนของไทย การวิเคราะห์พบว่าภาคเกษตร-อาหาร ยานยนต์ และเทคโนโลยีของไทย อาจทั้งได้และเสียประโยชน์จากการลดต้นทุนวัตถุดิบ (จากภาษีนำเข้าจากสหรัฐที่เหลือ 0%) แต่ต้องเสียต้นทุนภาษีสำหรับสินค้าส่งออกไปสหรัฐเพิ่มเติม และต้องระวังความเสี่ยง Transshipment ที่อาจทำให้สหรัฐใช้มาตรการลงโทษ การปฏิบัติตามข้อตกลงและการหาตลาดใหม่จะเป็นกุญแจสำคัญของความสำเร็จในระยะยาว
  • วิกฤตการเมืองไทยกับโอกาสการยุบสภาก่อนผ่านงบประมาณ จากการวิเคราะห์ข้อมูลล่าสุด รวมถึงการชุมนุมที่เกิดขึ้นจริงในวันที่ 2 สิงหาคม 2568 ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประมาณ 10,000 คนพร้อมข้อเรียกร้องให้แพทองธารลาออกทันทีโดยไม่ต้องรอศาลตัดสิน
  • เรามองว่า โอกาสการยุบสภาก่อนผ่านงบประมาณ 2569 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 15-20% เป็น 35-40% เหตุผลหลักมาจากการที่ศาลรัฐธรรมนูญขยายเวลาชี้แจงของแพทองธารสู่ 4 สิงหาคม ด้วยมติเสียงข้างมากเพียง 5:4 ซึ่งคาดว่าศาลจะอ่านคำวินิจฉัยในเดือนกันยายน ตรงกับช่วงที่สภาพิจารณางบประมาณ หากแพทองธารถูกตัดสินให้พ้นตำแหน่งในช่วงนี้ จะเกิดวิกฤตความชอบธรรมของรัฐบาลที่มีฐานเสียงอ่อนแอจากการถอนตัวของพรรคภูมิใจไทย ประกอบกับแรงกดดันจากการชุมนุมที่เกิดขึ้นจริง ทำให้เดือนกันยายน 2568 กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่สุดของการเมืองไทย
Author
Slide3
ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์

หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5