Keyword
PDF Available  
Macro Making Sense

Fed คงดอกเบี้ยตามคาด ตลาดมองโอกาสการลดดอกเบี้ยเดือน ก.ย. ลดลง, จีนยังมุ่งเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจ

By ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์|30 Jul 25 8:10 AM
สรุปสาระสำคัญ

ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีมติ 9–2 เสียงให้ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 4.25–4.5% ต่อเนื่องจากทุกการประชุมในปีนี้ โดยมีกรรมการ 2 ราย ได้แก่ Christopher Waller และ Michelle Bowman (ผู้ได้รับการแต่งตั้งจากทรัมป์) ลงมติ ขอให้ลดดอกเบี้ย 0.25% ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1993 ที่มีกรรมการจากคณะกรรมการกลางแสดงความเห็นขัดแย้งกับมติส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตามลดระดับการประเมินเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากเดิมที่เคยระบุว่า “ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง” เหลือเพียง “ชะลอตัวในช่วงครึ่งแรกของปี” ในด้านตลาดแรงงาน พาวเวลล์แสดงความมั่นใจว่าการจ้างงานยังอยู่ในระดับแข็งแกร่ง ในเชิงนโยบายการเงินเสียงส่วนใหญ่ของคณะกรรมการยังคงให้น้ำหนักต่อ “ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ” และต้องการรอดูผลกระทบเชิงนโยบายต่อเศรษฐกิจจริง ทำให้เรายังคงมุมมองว่า ดอกเบี้ยจะอยู่ที่ระดับเดิมตลอดทั้งปี จาก (1) เงินเฟ้อที่เริ่มปรับเพิ่มขึ้นทุกองค์ประกอบ (2) เศรษฐกิจสหรัฐที่เติบโตใกล้เคียงกับระดับศักยภาพ (3) การลดดอกเบี้ยจะทำให้ความเป็นอิสระของธนาคารกลางลดลง

สรุปประเด็นการประชุม FOMC, การประชุม Politburo ของจีน และ GDP สหรัฐฯและยูโรโซน

  • GDP สหรัฐฯ ไตรมาส 2 ปี 2025 ขยายตัว 3.0%QoQ,SAAR สูงกว่าที่ตลาดคาด ไว้ที่ 2.5% และพลิกกลับจากไตรมาสก่อนหน้าที่เศรษฐกิจหดตัว -0.5% ถือเป็นสัญญาณบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วงสั้น โดยได้แรงหนุนจากการบริโภคภาคเอกชนและการนำเข้าที่ลดลง ในภาพรวม ตัวเลข GDP ไตรมาส 2 สะท้อนความยืดหยุ่นของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังสามารถเติบโตได้ดีภายใต้แรงกดดันรอบด้าน ความแข็งแกร่งของภาคครัวเรือนและภาคบริการยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการประคองเศรษฐกิจในระยะสั้น
  • GDP ไตรมาส 2/2025 ของยูโรโซนขยายตัว 0.1%QoQ (จาก 0.6%QoQ ไตรมาสก่อน) สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 0.0% แม้หลายประเทศหลักชะลอตัว โดยเยอรมนีและอิตาลีหดตัว -0.1% และไอร์แลนด์หดตัวแรงถึง -1.0% เทียบกับปีก่อน GDP ยูโรโซนขยายตัว 1.4%YoY (จาก 1.5% ไตรมาสก่อน) สูงกว่าตลาดคาดที่ 1.2%YoY เรามองว่าการเติบโตที่ชะลอลงของยูโรโซนในไตรมาส 2 เป็นสัญญาณเตือนว่าผลของการ front-loading ในไตรมาสก่อนเริ่มจางลง ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าและราคาพลังงานที่ผันผวน คาดว่า ECB จะยังคงนโยบายดอกเบี้ยที่ระมัดระวัง โดยยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระยะสั้น จนกว่าจะเห็นสัญญาณชัดเจนว่าภาวะเงินเฟ้อเข้าสู่เป้าหมายอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังต้องติดตามรายละเอียดของข้อตกลงระหว่าง US-EU Trade deal อย่างใกล้ชิดเนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนในรายละเอียดค่อนข้างสูงโดยเฉพาะภาษีนำเข้าเวชภัณฑ์และเซมิคอนดักเตอร์
  • การประชุมผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีน (Politburo meeting) ที่มี ปธน. สี จิ้นผิง เป็นประธานแสดงความตั้งใจจะลดปัญหา “Involution” หรือการแข่งขันที่ไร้ประสิทธิภาพในอุตสาหกรรม โดยระบุว่าจะเร่งจัดระเบียบการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมและจำกัดพฤติกรรมการดึงดูดการลงทุนของรัฐบาลท้องถิ่น ซึ่งมักให้สิทธิประโยชน์เกินควรจนเกิดปัญหา Overcapacity ด้านนโยบายเศรษฐกิจที่ประชุมย้ำว่าจะ “คงนโยบายมหภาคให้แข็งแรงและผ่อนคลายอย่างเหมาะสม” พร้อมเร่งเบิกจ่ายพันธบัตรรัฐบาล กระตุ้นการใช้จ่าย และดูแลต้นทุนเงินกู้ให้ต่ำ ประกอบกับการบริโภคที่เริ่มชะลอตัวและดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่อ่อนแอ เราจึงยังคงมุมมองว่า จีนจำเป็นต้องมีมาตรการผ่อนคลายเพิ่มเติมในช่วงครึ่งหลังของปี ท่ามกลางเงินเฟ้อที่ต่ำและความต้องการบรรลุเป้าหมาย GDP ที่ 5%

 

Fed มีมติ 9–2 ให้คงดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาด โดยยังคงให้น้ำหนักต่อความเสี่ยงเงินเฟ้อเป็นหลัก

  • ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีมติ 9–2 เสียงให้ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 4.25–4.5% ต่อเนื่องจากทุกการประชุมในปีนี้ โดยมีกรรมการ 2 ราย ได้แก่ Christopher Waller และ Michelle Bowman (ผู้ได้รับการแต่งตั้งจากทรัมป์) ลงมติ ขอให้ลดดอกเบี้ย 0.25% ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1993 ที่มีกรรมการจากคณะกรรมการกลางแสดงความเห็นขัดแย้งกับมติส่วนใหญ่
  • ถ้อยแถลงหลังการประชุมสะท้อนความระมัดระวังมากขึ้นของ Fed โดยมีการลดระดับการประเมินเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากเดิมที่เคยระบุว่า “ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง” เหลือเพียง “ชะลอตัวในช่วงครึ่งแรกของปี” ซึ่งพาวเวลล์อธิบายว่าเกิดจาก “การใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ชะลอลง” แต่ยังย้ำว่าภาคครัวเรือนยังอยู่ใน “สถานะที่มั่นคง” และไม่เห็นสัญญาณว่าดอกเบี้ยในระดับปัจจุบันจะสร้างแรงกดดันต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
  • ในด้านตลาดแรงงาน พาวเวลล์แสดงความมั่นใจว่าการจ้างงานยังอยู่ในระดับแข็งแกร่ง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อให้ความเห็นว่า inflation “remains somewhat elevated.” ตัวเลขจริงโดยยังมีแรงกดดันจากสินค้าที่เกี่ยวข้องกับภาษีนำเข้า เช่น ของเล่น เสื้อผ้า และอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเริ่มปรับราคาขึ้น
  • ในเชิงนโยบายการเงิน แม้จะมีกรรมการบางส่วนเริ่มแสดงท่าทีสนับสนุนการลดดอกเบี้ย แต่เสียงส่วนใหญ่ของคณะกรรมการยังคงให้น้ำหนักต่อ “ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ” และต้องการรอดูผลกระทบเชิงนโยบายต่อเศรษฐกิจจริง โดยเฉพาะในช่วงที่นโยบายภาษีใหม่อาจถูกขยายหรือกลับมาใช้หลังเส้นตายวันที่ 1 ส.ค. ทำให้ Fed มีแนวโน้ม “ยืดระยะเวลาการคงดอกเบี้ย” ไปจนกว่าจะมั่นใจว่าภาวะเงินเฟ้อและเศรษฐกิจโดยรวมมีเสถียรภาพจริง
  • Powell ระบุว่า Fed ยังต้องประเมินความเสี่ยงจากภาษีทรัมป์ โดยผลกระทบต่อเงินเฟ้ออาจเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวหรืออาจยืดเยื้อ ซึ่งต้องติดตามต่อไป และเน้นว่า “เราจะทำทุกทางที่จำเป็นเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ” และพูดว่า “Fed ไม่ขึ้นดอกเบี้ยในขณะนี้ เพื่อดูผลกระทบจากภาษีนำเข้า”
  • ตลาดการเงินตอบสนองในทันที โดยนักลงทุนลดความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย. จากเดิมที่ให้น้ำหนักถึง 60% เหลือเพียงระดับ “ใกล้เคียงความน่าจะเป็น 50/50”
  • เรายังคงมุมมองว่าดอกเบี้ยจะอยู่ที่ระดับเดิมตลอดทั้งปี จาก (1) เงินเฟ้อที่เริ่มปรับเพิ่มขึ้นทุกองค์ประกอบ (2) เศรษฐกิจสหรัฐที่เติบโตใกล้เคียงกับระดับศักยภาพ (3) การลดดอกเบี้ยจะทำให้ความเป็นอิสระของธนาคารกลางลดลง
Author
Slide3
ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์

หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5