Keyword
PDF Available  
Macro Making Sense

ฉากทัศน์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา 2025 การค้าโลกคลี่คลายแต่ตลาดยังเสี่ยง ข้อตกลงสหรัฐฯ-ยุโรปและสหรัฐ-จีน

By ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์|29 Jul 25 8:09 AM

สรุป 5 ฉากทัศน์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา 2025 ความเสี่ยงเศรษฐกิจและการเงิน: จุดเปลี่ยนสำคัญสัปดาห์หน้า

 

  • การประชุมไกล่เกลี่ยที่มาเลเซียในวันที่ 28 กรกฎาคม ภายใต้การอำนวยการของนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ในฐานะประธานอาเซียน ได้นำไปสู่ข้อตกลงหยุดยิงเที่ยงคืนของวันเดียวกัน การประชุมครั้งนี้เป็นการเจรจาอย่างเป็นทางการครั้งแรกนับตั้งแต่ความขัดแย้งปะทุขึ้น โดยมีการส่งตัวแทนจากทั้งวอชิงตันและปักกิ่งเข้าร่วม ทั้งนี้ เรามองว่า แม้ว่าโอกาสของการหยุดยิงและการเจรจารวมถึงการยุติสงครามถาวรจะอยู่ที่ 60% แต่ยังไม่ถึงระดับที่แน่นอน เนื่องจากปัญหารากฐานของความขัดแย้งยังไม่ได้รับการจัดการ โดยเฉพาะความแตกต่างในการตีความเงื่อนไขการหยุดยิงระหว่างสองประเทศ และประเด็นศาลยุติธรรมระหว่างประเทศที่ยังค้างอยู่ ขณะที่ความขัดแย้งระยะยาวยังคงมีความเป็นไปได้สูงถึง 25% หากเกิดการละเมิดข้อตกลงหรือมีเหตุการณ์ยั่วยุ ประสบการณ์จากความขัดแย้งปี 2008-2011 แสดงให้เห็นว่าการหยุดยิงชั่วคราวอาจกลายเป็นการหยุดพักการต่อสู้เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการปะทะครั้งต่อไป มากกว่าการแก้ไขปัญหาอย่างถาวร ซึ่งหากสถานการณ์แต่ละฉากทัศน์เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อ GDP ไทยแตกต่างกันอย่างมาก ตั้งแต่เพียง 0.1-0.2% ในกรณีสงครามยุติรวดเร็ว ไปจนถึง 4.0-6.0% ในกรณีสงครามเต็มรูปแบบ โดยความเสี่ยงหลักที่ยังคงอยู่คือการที่ทั้งสองประเทศมีความเข้าใจที่แตกต่างกันเกี่ยวกับเงื่อนไขการหยุดยิง ซึ่งอาจนำไปสู่การตีความที่ผิดพลาดและการกลับมาต่อสู้กันอีกครั้ง

  • ความเสี่ยงเศรษฐกิจและการเงิน ตลาดการเงินโลกกำลังเผชิญสถานการณ์ที่ขัดแย้งกัน โดยความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-สหภาพยุโรปและแนวโน้มเชิงบวกในการเจรจาสหรัฐฯ-จีนช่วยลดความไม่แน่นอนและสร้างความมั่นใจให้กับตลาด แต่ในขณะเดียวกันสัญญาณเตือนเรื่องฟองสบู่ในตลาดหลักทรัพย์กลับปรากฏชัดเจนขึ้น โดยดัชนี "equity euphoria" ของ Barclays พุ่งสูงเป็น 2 เท่าของระดับปกติ หุ้นใน S&P 500 มีอัตราส่วน price-to-sales สูงเป็นประวัติการณ์ที่ 3.3 เท่า และมีการกลับมาของพฤติกรรมการลงทุนแบบเก็งกำไรอย่างมาก ซึ่งแม้ว่าความคืบหน้าทางการค้าจะช่วยลดความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ แต่นักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังความเสี่ยงจากการประเมินมูลค่าหุ้นที่สูงเกินไปและการกระจุกตัวของการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่

  • ข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-ยุโรปบรรลุผลสำเร็จก่อนกำหนดเส้นตาย 1 สิงหาคม โดยกำหนดภาษีนำเข้าจากยุโรป 15% แลกกับคำมั่นของยุโรปในการซื้อผลิตภัณฑ์พลังงานจากสหรัฐฯ มูลค่า 7.5 แสนล้านดอลลาร์ ลงทุนเพิ่มเติม 6 แสนล้านดอลลาร์ และเปิดตลาดการค้าแบบไร้ภาษี ส่วนการเจรจาสหรัฐฯ-จีนในสต็อกโฮล์มมุ่งเน้นการขยายระยะเวลาหยุดชั่วคราวของภาษี โดยมีประเด็นสำคัญคือการลดภาษีเฟนทานิล 20% การควบคุมเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ การค้าแม่เหล็กหายาก และการซื้อน้ำมันจากรัสเซีย-อิหร่าน ทั้งสองเส้นทางสะท้อนแนวโน้มที่ทุกฝ่ายให้ความสำคัญกับเสถียรภาพการค้ามากกว่าการยืนกรานเรื่องความเป็นธรรมในระยะสั้น

 

บทวิเคราะห์เศรษฐกิจ-การเมือง: ความรุนแรงไทย-กัมพูชาและผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการเมือง

 

  • ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชาที่ปะทุขึ้นในวันที่ 24 กรกฎาคม 2025 ได้พัฒนาเป็นการเผชิญหน้าทางทหารที่รุนแรงที่สุดในรอบทศวรรษ โดยใช้อาวุธขั้นสูงเป็นครั้งแรกและขยายตัวสู่อ่าวไทย การสูญเสีย 36 ชีวิต และการอพยพประชาชนกว่า 150,000 คน ได้นำไปสู่การไกล่เกลี่ยระหว่างประเทศและการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในวันที่ 28 กรกฎาคม หลังจากแรงกดดันจากสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ข่มขู่จะไม่ทำข้อตกลงการค้ากับทั้งสองประเทศหากความขัดแย้งยังคงดำเนินต่อไป

  • การประชุมไกล่เกลี่ยที่มาเลเซียในวันที่ 28 กรกฎาคม ภายใต้การอำนวยการของนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ในฐานะประธานอาเซียน ได้นำไปสู่ข้อตกลงหยุดยิงเที่ยงคืนของวันเดียวกัน การประชุมครั้งนี้เป็นการเจรจาอย่างเป็นทางการครั้งแรกนับตั้งแต่ความขัดแย้งปะทุขึ้น โดยมีการส่งตัวแทนจากทั้งวอชิงตันและปักกิ่งเข้าร่วม

  • ประธานาธิบดีทรัมป์มีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้เกิดการหยุดยิง โดยข่มขู่ว่า "เราจะไม่ทำข้อตกลงการค้าเว้นแต่พวกคุณจะยุติสงคราม" หลังจากการสนทนาทางโทรศัพท์แยกต่างหากกับทั้งภุมิธรรม เวชยะชัยและฮุน มาเนต เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา การข่มขู่นี้มีน้ำหนักมากโดยเฉพาะกับไทย ที่กำลังเจรจาเพื่อลดภาษีนำเข้าจากอัตรา 36% ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 สิงหาคม โดยรัฐมนตรีต่างประเทศมาร์โก รูบิโอกล่าวว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ได้เดินทางไปยังมาเลเซีย "เพื่อช่วยเหลือความพยายามสันติภาพเหล่านี้"

  • เราวิเคราะห์ว่า การบรรลุข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชาเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2025 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในความขัดแย้งที่รุนแรงที่สุดในรอบทศวรรษ แม้ว่าการเจรจาภายใต้การอำนวยความสะดวกของนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ในฐานะประธานอาเซียนจะสำเร็จลุล่วง แต่ธรรมชาติของข้อตกลงนี้ยังคงมีความเปราะบางและไม่ได้แก้ไขประเด็นรากเหง้าของความขัดแย้งที่มีต้นกำเนิดจากข้อพิพาทเขตแดนที่ดำเนินมายาวนาน

  • แรงกดดันทางเศรษฐกิจจากประธานาธิบดีทรัมป์กลายเป็นปัจจัยแก้ไขที่มีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้กำลังทหาร โดยการขู่ว่าจะไม่ทำข้อตกลงการค้ากับทั้งสองประเทศหากยังมีการต่อสู้ต่อไป ซึ่งมีนัยสำคัญอย่างยิ่งสำหรับไทยที่เผชิญกับกำหนดเวลาภาษีศุลกากร 36% ที่จะมีผลวันที่ 1 สิงหาคม สถิติความสูญเสียที่เพิ่มขึ้นเป็น 36 คนและการอพยพประชาชนมากกว่า 150,000 คน แสดงให้เห็นถึงความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นจากตัวเลขเดิมในการวิเคราะห์

  • อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงหยุดยิงนี้ยังคงมีความไม่แน่นอนในหลายประการ ความแตกต่างในเงื่อนไขระหว่างสองประเทศยังคงเป็นประเด็นสำคัญ โดยไทยยืนยันให้มีการถอนกำลัง การยุติการใช้กำลังร้ายแรง และการแก้ไขข้อขัดแย้งผ่านกลไกทวิภาคี ขณะที่กัมพูชาสนับสนุนการยุติการต่อสู้โดยไม่มีเงื่อนไข ประเด็นศาลยุติธรรมระหว่างประเทศที่กัมพูชายังคงต้องการนำไปพิจารณาในสี่พื้นที่พิพาท ขณะที่ไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจของศาล ก็ยังคงเป็นปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข
Author
Slide3
ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์

หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5