Keyword
PDF Available  
Macro Making Sense

การส่งออกไทยชะลอแรงหลังภาษีเริ่มมีผล ไทยเสี่ยงการคลังมากขึ้นหลัง Fitch ปรับลดมุมมอง

By ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์|25 Sep 25 7:01 AM
สรุปสาระสำคัญ

สรุปประเด็นการส่งออกไทยชะลอแรงหลังภาษีเริ่มมีผล และการคลังไทยเสี่ยงมากขึ้นหลัง Fitch ปรับลดมุมมอง

  • สรุปภาพรวมการส่งออก-นำเข้าของไทยในเดือน ส.ค. 2025 การส่งออกของไทยในเดือน ส.ค. 2025 ขยายตัว 5.8%YoY มูลค่า 27,743.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ชะลอจากเดือนก่อนที่ 11.0% และต่ำกว่าตลาดคาดที่ 7.0% โดยภาพรวมการส่งออกอ่อนแอลงอย่างชัดเจนและชะลอต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 หลังแรงสนับสนุนชั่วคราวจากการเร่งคำสั่งซื้อก่อนการบังคับใช้มาตรการภาษีใหม่ของสหรัฐฯ เริ่มหมดไป โดยตลาดสหรัฐฯ ขยายตัว 12.8% ชะลอลงแรงจาก 31.4% และตลาดจีนขยายตัว 5.9% ชะลอจาก 23.1% ส่วนการนำเข้าเร่งตัวขึ้นเป็น 15.8%YoY มูลค่า 29,707.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นำโดยการนำเข้าจากจีน 33.4% และไต้หวัน 130.4% โดยเฉพาะสินค้าทุนที่ขยายตัว 29.5% ซึ่งสะท้อนการปรับเปลี่ยนเส้นทางการค้าและความพยายามหลีกเลี่ยงมาตรการภาษีของสหรัฐฯ
  • ทั้งนี้ INVX ยังคงคาดการณ์การส่งออกปี 2025 จะขยายตัวเพียง 5% และปี 2026 จะติดลบ -6.9%YoY
  • ด้านการนำเข้าของไทยในเดือน ส.ค. 2025 มีมูลค่า 29,707.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 15.8%YoY เร่งตัวจากเดือนก่อนที่ 5.1% และขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 15 แล้ว โดยการนำเข้าจากจีนขยายตัว 33.4%YoY และจากไต้หวัน 130.4% เป็นแรงขับเคลื่อนหลัก โดยสะท้อนการปรับเปลี่ยนเส้นทางการค้าและความพยายามหลีกเลี่ยงมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ทั้งนี้ การเติบโตของการนำเข้าที่สูงกว่าการส่งออกส่งผลให้ดุลการค้าของไทยขาดดุลมากขึ้น ซึ่งอาจกดดันบัญชีเดินสะพัดและส่งผลต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจมหภาค
  • Fitch ปรับลดแนวโน้มเครดิตไทยเป็น negative สถานการณ์อันดับเครดิตไทยมีความเสี่ยงมากขึ้น เมื่อ Fitch Ratings ปรับลดมุมมองเป็น "Negative" ตามรอย Moody's ที่ปรับไปแล้วในเดือนเมษายน ทำให้ขณะนี้มี 2 จาก 3 บริษัทจัดอันดับเครดิตหลักให้มุมมองลบต่อไทย เหลือเพียง S&P ที่ยังคง "Stable" โดย Fitch ให้เหตุผลจากการเมืองที่เสี่ยงมากขึ้น และการเติบโตของเศรษฐกิจที่ต่ำลง
  • เราวิเคราะห์ว่า 2 ใน 4 เครื่องชี้วัดการคลังมีความเสี่ยงมากขึ้น ได้แก่ (1) หนี้สาธารณะพุ่งสูงใกล้ 70% ของ GDP และ (2) ความสามารถในการจัดเก็บรายได้ที่ขยายตัวลดลงเหลือ 1.2% จาก 3.2% ในปีก่อน แต่อีก 2 เครื่องชี้ยังคงทรงตัว ได้แก่ (3) การขาดดุลงบประมาณต่อเนื่องที่ 4.3-4.6% ของ GDP และ (4) ภาระดอกเบี้ยต่อรายได้ยังอยู่ที่ 8.6% ต่ำกว่า 10% ซึ่งเป็นเพดาน Investment Grade ขณะที่ข้อมูลประวัติศาสตร์แสดงว่า 50% ของกรณีที่ถูกปรับ Outlook เป็น Negative จะถูกลดอันดับจริงภายใน 1-2 ปี ดังนั้นไทยจึงมีเวลาจำกัดในการปรับปรุงวินัยการเงินการคลังและกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกลดอันดับจาก BBB+ เป็น BBB
  • อย่างไรก็ตาม เรามองว่า โอกาสที่รัฐบาลจะเพิ่มภาษี (โดยเฉพาะ VAT) เพื่อจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นในระยะสั้นเป็นไปได้ต่ำ เนื่องจาก (1) การขึ้นภาษี VAT 1% จะทำให้ GDP หดตัว (2) หากรัฐบาลเน้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจมากกว่า แต่อาจไม่ทำให้หนี้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หากเป็นโครงการ PPP (3) ด้วยอายุทางการเมืองที่เป็นรัฐบาลระยะสั้น จึงไม่น่าจะรีบขึ้นภาษี ซึ่งจะกระทบคะแนนนิยมในการเลือกตั้งครั้งถัดไป
Author
Slide3
ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์

หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5