Macro Making Sense 3
PDF Available  
Macro Making Sense

Macro Making Sense – 30 ธ.ค. 2567

By ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์|30 Dec 24 8:31 AM
สรุปสาระสำคัญ

สรุปประเด็น ผลกำไรภาคอุตสาหกรรมจีนทรุดหนัก ราชกิจจาฯ ประกาศ พ.ร.ก.ภาษีส่วนเพิ่ม เก็บภาษีบริษัทข้ามชาติ เศรษฐกิจไทยน่าเป็นห่วง

 

  • ผลกำไรภาคอุตสาหกรรมจีนทรุดหนัก กดดันการฟื้นตัวเศรษฐกิจ กำไรภาคอุตสาหกรรมจีนเดือน พ.ย. ลดลง 7.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน นับเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และอาจทำให้ยอดกำไรทั้งปีลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มเก็บข้อมูลในปี 2000 เราวิเคราะห์ว่า สาเหตุที่ผลกำไรภาคอุตสาหกรรมจีนหดตัวรุนแรง ผลจาก (1) อุปสงค์ภายในประเทศอ่อนแอ สะท้อนจากยอดค้าปลีกที่เติบโตเพียง 3% โดยเฉพาะสินค้าฟุ่มเฟือยที่หดตัวแรง (2) ภาวะเงินฝืดที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 1999 ทำให้ราคาสินค้าหน้าโรงงาน (PPI) ยังคงอยู่ในระดับต่ำ กดดันกำไรของผู้ผลิต  (3) ภาคอสังหาริมทรัพย์ยังซบเซา การลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ 11 เดือนแรกหดตัว 10.4% กระทบห่วงโซ่อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง  (4) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลยังไม่เพียงพอ แม้จะมีโครงการอุดหนุนการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ธุรกิจ และ  (5) ความเสี่ยงจากการกีดกันทางการค้า ทั้งจากสหรัฐฯ ที่อาจขึ้นภาษีสินค้าจีนรอบใหม่ และสหภาพยุโรปที่เพิ่มมาตรการกีดกันการทุ่มตลาด

  • ราชกิจจาฯ ประกาศ พ.ร.ก.ภาษีส่วนเพิ่ม พ.ศ.2567 เก็บภาษีบริษัทข้ามชาติ ราชกิจจาฯ ประกาศบังคับใช้ พ.ร.ก.ภาษีส่วนเพิ่ม พ.ศ.2567 บริษัทข้ามชาติรายได้ไม่ต่ำกว่า 750 ล้านยูโร หรือ 2.6 หมื่นล้านบาท เริ่มระยะเวลาบัญชี 1 ม.ค.2568 เราวิเคราะห์ว่า พ.ร.ก.ภาษีส่วนเพิ่ม ดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์กว่า 20 ราย โดยกลุ่มบริษัทที่เข้าข่าย ได้แก่ ปตท. และบริษัทในเครือ เซ็นทรัล โลตัส เบอร์ลี่ยุคเกอร์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ไทยยูเนี่ยน ปูนซิเมนต์ไทย และกัลฟ์ โดยผลกระทบต่อตลาดหุ้นระยะสั้น อาจเกิดแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ ขณะที่ระยะยาว บริษัทอาจต้องปรับโครงสร้างภาษีและการลงทุน โดยกำไรสุทธิอาจลดลง 2-3% จากภาระภาษีที่เพิ่มขึ้น

  • วิเคราะห์เศรษฐกิจไทยล่าสุดส่งสัญญาณน่าเป็นห่วง พาณิชย์ เผย การส่งออกเดือนพ.ย.มูลค่า 25,608.2 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 8.2% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ได้รับอานิสงส์จากส่งออกสินค้ากลุ่มเทคโนโลยี คาด ธ.ค.ยังแรงต่อ มั่นใจทั้งปีส่งออกแตะ 3 แสนล้านดอลลาร์ ขยายตัว 5.2% เรามองว่า การส่งออกไทยเดือนพ.ย. ขยายตัว 8.2% โดยเฉพาะในตลาดอินเดีย จีน และสหรัฐฯ นั้น เป็นการเร่งส่งออกชั่วคราว เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากนโยบายกีดกันการค้าหลังจากที่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง ขณะที่สัญญาณวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์เริ่มถดถอยชัดเจน ดัชนีผลผลิตชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์หดตัว 8.63% นำโดย IC และ PCBA สอดคล้องกับการนำเข้าที่ลดลง 5.1% สะท้อนอุปสงค์ทั่วโลกที่ชะลอตัว

  • เรามองว่า ตัวเลขเศรษฐกิจไทยเสี่ยงมากขึ้น จากการส่งออกที่แม้ยังดีแต่การส่งออกในเอเชียเห็นสัญญาณชะลอตัวลงชัดเจนขึ้น ขณะที่ MPI ในประเทศก็หดตัวเช่นกัน อันเป็นผลจากMPI ยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก นอกจากนั้น ยังสะท้อนการชะลอตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ ทั้งการบริโภคสินค้าคงทน การลงทุนเครื่องมือเครื่องจักร และรายได้จากการท่องเที่ยวที่ลดลง ท่ามกลางสภาวะการเงินที่ตึงตัวและความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน ภาพความเปราะบางทั้งภาคการใช้จ่ายและภาคการผลิตทำให้ INVX GDP Now ชะลอลงเหลือ 1.7% ในเดือน พ.ย.

 

Author
Slide3
ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์

หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5