PDF Available  
Macro Making Sense

วิเคราะห์เจาะลึก TISA สรุป 5 คำทำนายเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์โลก สรุป 10 คำทำนายภาคธุรกิจโลก จาก The Economist

By ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์|8 Dec 25 6:47 AM
สรุปสาระสำคัญ

สรุปประเด็นวิเคราะห์เจาะลึก TISA สรุป 5 คำทำนายเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์โลก 2026 สรุป 10 คำทำนายภาคธุรกิจโลก 2026 จาก The Economist

  • วิเคราะห์เจาะลึก TISA (Thailand Individual Savings Account) InnovestX วิเคราะห์แนวคิด Individual Savings Account (ISA) ซึ่งเป็นบัญชีออม-ลงทุนที่ให้สิทธิยกเว้นภาษีเงินปันผลและกำไรจากการลงทุน โดยมีต้นแบบจาก ISA ในอังกฤษ และ NISA ในญี่ปุ่นย ซึ่งทั้งสองประเทศประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนโครงสร้างสินทรัพย์ครัวเรือน โดยเฉพาะญี่ปุ่นที่สัดส่วนการลงทุนต่อเงินฝากเพิ่มจาก 17% (2015) เป็น 23.6% (2024) และมีผู้ใช้ NISA เพิ่มจาก 8.3 ล้านบัญชี (2014) เป็น 25.6 ล้านบัญชี (2024)
  • สำหรับประเทศไทย สินทรัพย์ทางการเงินมีสัดส่วนเพียง 10% ของสินทรัพย์ครัวเรือนทั้งหมด (ต่ำกว่าสหรัฐฯ 42%, EU 25%, ญี่ปุ่น 12%) โดยการลงทุนคิดเป็นเพียง 0.5% ของสินทรัพย์ทั้งหมด ขณะที่คนไทยออม 24% ของ GDP และกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย ดังนั้น มาตรการ TISA จะช่วยเพิ่มสัดส่วนสินทรัพย์ทางการเงิน พัฒนาตลาดทุน และรองรับสังคมผู้สูงอายุ โดย InnovestX คาดว่ามาตรการ TISA จะทำให้จำนวนผู้ลงทุนในตลาดทุนเพิ่มจาก 1.7 ล้านคน หรือ 2.3% ของจำนวนประชากร ในปี 2026 เป็น 3.7 ล้านคน หรือ 5.1% ของประชากรใน 10 ปีข้างหน้า
  • อย่างไรก็ตาม ตามแนวนโยบาย TISA ล่าสุด กระทรวงการคลังจะใช้กลไกลดหย่อนภาษีแทนการยกเว้นภาษี ต่างจาก ISA/NISA ของต่างประเทศที่ให้สิทธิประโยชน์ลดหย่อนเงินปันผลและ Capital Gain Tax ทำให้ TISA มีลักษณะเป็นเพียง "LTF เวอร์ชันใหม่" ที่เน้นให้ผลประโยชน์ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (PIT) สูง ไม่ใช่การปฏิรูปโครงสร้างที่แท้จริง นอกจากนั้นการกำหนดเพดานลดหย่อนภาษีรวมไม่เกิน 800,000 บาทต่อปี จะทำให้แรงจูงใจในการลงทุนในตลาดทุนลดลง เนื่องจากผู้เสีย PIT ของไทยมีเพียง 15.9% ของประชากร (ต่ำกว่า UK 50.6%, ญี่ปุ่น 18.4%) ยิ่งไปกว่านั้น ในกรณีของญี่ปุ่น (NISA) ทางการได้มีการปฎิรูปนโยบายการเงิน การคลัง รวมถึงพัฒนาธรรมาภิบาลไปพร้อมกัน (นโยบายธนูสามดอก) ขณะที่ในกรณีของไทยเป็นเพียงแต่การสนับสนุนตลาดทุนผ่านมาตรการภาษี ทำให้มีความเป็นไปได้ที่ TISA อาจไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการวิเคราะห์ครั้งนี้ อ้างอิงข้อมูลที่เผยแพร่ล่าสุด แต่ยังไม่ได้ประกาศเป็นทางการขั้นสุดท้าย ซึ่งรายละเอียดในความเป็นจริงอาจแตกต่างจากที่สื่อสารมาก่อนหน้านี้ได้ โดยหากทางการปฏิรูปนโยบายการเงินการคลัง และธรรมาภิบาลอย่างเป็นระบบ ผลบวกของมาตรการ TISA อาจสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ได้
  • สรุป 5 คำทำนายเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์โลก 2026 จาก The Economist 1. ระเบียบโลกเก่าสิ้นสุดลง - ทรัมป์ทำลายบรรทัดฐานระหว่างประเทศ ทำให้ประเทศ Global South เริ่มคานอำนาจสหรัฐมากขึ้น 2. การเลือกตั้งกลางเทอม 2026 เป็นจุดชี้ขาด - หาก Democratic ชนะจะมีการตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาลทรัมป์ และแนวนโยบายน่าจะกลับสู่สายกลางมากขึ้น 3. ภูมิรัฐศาสตร์เปลี่ยนไป การค้าซับซ้อนขึ้น - ทรัมป์ใช้นโยบายต่างตอบแทนสร้างสันติภาพชั่วคราวที่ไม่ยั่งยืน ส่วนการค้าโลกจะปรับเปลี่ยนโดยจีนเปลี่ยนเส้นทางส่งออกและสหรัฐจะถูกกีดกันจากการค้าโลกมากขึ้น 4. เงินเฟ้อสหรัฐพุ่ง ความเสี่ยงวิกฤตพันธบัตรและตลาดหุ้นเพิ่มขึ้น จากความเสี่ยงหนี้สาธารณะ ฟองสบู่ AI แตก และเศรษฐกิจถดถอยผ่าน Negative Wealth Effect 5. สินค้าโภคภัณฑ์เคลื่อนไหวต่างทิศทาง - น้ำมันดิบราคาต่ำจากอุปทานล้น ทองคำพุ่งทะลุ 4,500 ดอลลาร์จากความไม่แน่นอนทางการเมือง ส่วนทองแดงผันผวนอาจได้แรงหนุนจาก EV
  • สรุป 10 คำทำนายภาคธุรกิจโลก 2026 จาก The Economist The Economist คาดการณ์ว่าปี 2026 ภาคธุรกิจโลกจะเผชิญ (1) ดอกเบี้ยลงแต่กฎเกณฑ์การกำกับสถาบันการเงินแยกทางกัน สหรัฐผ่อนปรน Basel III ขณะสวิตเซอร์แลนด์-จีน-ญี่ปุ่นเข้มงวดขึ้น (2) สงครามการค้าถ่วงเศรษฐกิจ การค้าโลกขยายตัวน้อยกว่า 2% บริษัทต้องปรับ supply chain (3) จีนขับเคลื่อนตลาด EV ยอดขายรถไฟฟ้าโลกพุ่ง 15% เป็น 24 ล้านคัน จีนครองครึ่งตลาด (4) กีฬาโลกหนุนเศรษฐกิจ ฟุตบอลโลกและกีฬาระดับโลกจะผลักดันค่าใช้จ่ายด้านกีฬาสู่ 450,000 ล้านดอลลาร์ (5) เทคโนโลยีสะอาดหนุนราคาโลหะ พุ่ง 7% โดยนิกเกิลเติบโต 13% จากความต้องการแบตเตอรี่ (6) งบกลาโหมพุ่งสถิติใหม่ งบป้องกันประเทศโลกทะลุ 2.9 ล้านล้านดอลลาร์ สมาชิก NATO ตั้งเป้าใช้จ่าย 5% ของ GDP ภายในปี 2035 (7) ภาคสาธารณสุขขาดงบแต่ยาลดความอ้วนบูม โดยยอดขายยาพุ่ง 5% โดดเด่นด้วยยาลดน้ำหนักรูปแบบเม็ด (8) ผู้บริโภคประหยัด มัธยัสถ์มากขึ้น ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง ทำให้ยอดขายปลีกเติบโตเพียง 2% ตลาดที่มีแนวโน้มดีคืออินเดียและฟิลิปปินส์ที่จะโต 5-7% (9) การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้น พลังงานหมุนเวียนจะครอง 30% ของการผลิตไฟฟ้าโลก จีนเพิ่มกำลังผลิตพลังงานลมและแสงอาทิตย์กว่า 300 กิกะวัตต์ (10) การใช้ AI แพร่หลายแต่ทำกำไรยังยาก 4 ใน 5 บริษัทจะใช้ generative AI แต่หลายบริษัทยังดิ้นรนหากำไร อินเดียต้องการแรงงานที่ผ่านการฝึก AI ถึง 1 ล้านคน
Author
Slide3
ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์

หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5