Keyword
PDF Available  
เคาะซื้อ Weekly strategy

เคาะซื้อ Weekly Strategy: ไทยตาปริบ เวียดนามดัน Entertainment Complex แต่ดองอ่อนค่าต่อเนื่อง (25 - 29 August 2025)

By ดร.รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ|22 Aug 25 2:30 PM
สรุปสาระสำคัญ
สรุปคำแนะนำการลงทุนประจำวันที่ 25 - 29 สิงหาคม 2025

มุมมองรายสินทรัพย์ประจำสัปดาห์

ตราสารทุน

ตลาดหุ้นเริ่มพักฐานหลังปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในก่อนหน้า สำหรับนักลงทุนที่มีพอร์ตการลงทุนอยู่แล้ว เรายังคงแนะนำให้ถือครองต่อ ส่วนผู้ที่ต้องการเข้าลงทุนใหม่รอจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัว บระยะสั้นหุ้นจีน A-shares มีโมเมนตัมเชิงบวกแข็งแกร่งและมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อได้ ขณะที่ระยะยาวเรายังคงให้น้ำหนักเชิงบวกกับตลาดหุ้น EM อย่างจีนและเวียดนาม ด้านตลาดหุ้น DM มองยุโรปยังน่าสนใจจากมูลค่าที่ไม่ตึงตัว และคาดการณ์การเติบโตของกำไรต่อหุ้น ที่มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ


ตราสารหนี้

คงมุมมองตราสารหนี้ที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปี จะยังคงให้ผลตอบแทนต่อความเสี่ยงที่ดีกว่าตราสารหนี้อายุยาว ท่ามกลางความกังวลด้านเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ยังอยู่ในระดับสูง แต่ตลาดแรงงานเริ่มมีสัญญาณอ่อนแอ


 สินทรัพย์ทางเลือก

ทองคำยังมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะเป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญต่อราคา ขณะที่ความคืบหน้าเจรจายุติสงครามรัสเซีย–ยูเครน อาจสร้างแรงกดดันต่อราคาในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม หากราคาปรับฐานจากปัจจัยดังกล่าว เราประเมินว่าเป็นโอกาสในการทยอยสะสมเพื่อลงทุนระยะยาว
ด้าน REITs ไทยมีแนวโน้มรับปัจจัยบวกจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ กนง. ในการประชุม 13 ส.ค. และท่าทีของผู้ว่าธปท. คนใหม่ที่มีทิศทางผ่อนคลายนโยบายการเงินเป็นปัจจัยหนุนที่ทำให้ REITs ไทยที่ยังคง Laggard เมื่อเทียบกับ SET Index มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อได้
[Theme Play] 

Europe Equity:
กิจกรรมทางเศรษฐกิจของยุโรปยังคงแสดงสัญญาณเชิงบวก PMI ภาคผลิตและบริการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ความหวังการยุติสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน มีโอกาสช่วยหนุนให้หุ้นยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้น จากต้นทุนราคาพลังงานที่ลดลง และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ผ่อนคลาย หากยุติสงครามสำเร็จ ด้านกำไรบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นในระยะข้างหน้าจากเศรษฐกิจที่ได้รับแรงหนุนจากการใช้นโยบายทางการคลังของภูมิภาค โดยกำไรของบริษัทจดทะเบียนในดัชนี STOXX 600 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2026 ซึ่งจะเป็นแรงจูงใจให้นักลงทุนกลับมาลงทุนในยุโรปมากยิ่งขึ้น

Gold:
ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากดัชนีดอลลาร์สหรัฐที่มีแนวโน้มอ่อนค่า และความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยซึ่งเป็นปัจจัยบวกเพิ่มเติม ขณะเดียวกัน หนี้สาธารณะทั่วโลกที่อยู่ในระดับสูงเพิ่มความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงิน กระแส De-dollarization ที่เร่งตัว และการเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องจากธนาคารกลางทั่วโลก ล้วนเป็นแรงสนับสนุนเชิงโครงสร้างต่อราคาทองคำ ในเชิงเทคนิค ราคายังคงแกว่งตัวสะสมในกรอบ อย่างไรก็ตาม ระยะสั้นอาจเผชิญแรงกดดันจากความคืบหน้าในการเจรจายุติสงครามรัสเซีย–ยูเครน แต่หากราคามีการปรับฐานจากปัจจัยดังกล่าว เรามองว่าเป็นจังหวะทยอยสะสมเพื่อการลงทุนระยะยาว

China A-Shares:
หุ้นจีน A-Share ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจจีนที่แข็งแกร่ง ในขณะที่เริ่มเห็นสัญญาณนักลงทุนเริ่มขายพันธบัตรและเข้าลงทุนในหุ้นมากขึ้น เป็นสัญญาณแสดงให้เห็นว่านักลงทุนเริ่มกลับมามีความมั่นใจกับตลาดหุ้นอีกครั้ง ทั้งนี้กำไรบริษัทจดทะเบียนใน CSI300 คาดว่าจะกลับมาเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 3 ปี เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้น นอกจากนี้ A-Shares มีความสัมพันธ์ต่อหุ้นโลกและหุ้นสหรัฐฯต่ำ สามารถใช้ในการกระจายความเสี่ยงออกจากหุ้นโลกได้

Vietnam Equity
: ตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 3 ปี และเดินหน้าปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง หลังบรรลุดีลกับสหรัฐฯ แม้อัตราภาษีนำเข้าที่สหรัฐฯ เก็บจะสูงราว 20% แต่ก็ต่ำกว่าการประกาศครั้งแรกที่ 46% นอกจากนี้รัฐบาลเวียดนามปรับเพิ่มการขยายตัวของ GDP ปี 2025 ที่ 8.3-8.5% และตั้งเป้าหมายการเติบโตสูงกว่า 10% สำหรับปี 2026-2030 ผ่านการลงทุน และการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ เพื่อชดเชยความเสี่ยงจากการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ประกอบกับตลาดหุ้นเวียดนามมีโอกาสถูกยกระดับสู่ FTSE Emerging market ในช่วงเดือนก.ย. เป็นอีกปัจจัยหนุนต่อตลาดหุ้นเวียดนาม แนะนำให้ทยอยลงทุนในหุ้นเวียดนาม
 
[Event Play]
 
TH REITs : REITs ไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นจากแรงหนุนที่ ธปท. ส่งสัญญาณเข้าสู่วัฏจักรปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้ง หลังเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะเงินฝืด โดยเงินเฟ้อต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย อีกทั้ง REITs ไทยมีส่วนต่างปันผลกับพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี (Dividend Yield Spread) พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 7.32% และอัตราปันผลเฉลี่ย 8.79% สูงกว่า REITs ภูมิภาค 
อื่น ๆ ขณะเดียวกัน ดัชนี SETPREITs ส่งสัญญาณทางเทคนิคกลับตัว หลังราคาทะลุ Downtrend line และ sentiment ตลาดหุ้นไทยโดยรวมเริ่มฟื้น ชี้โอกาสลงทุนระยะสั้น

China Tech:
แนะนำลงทุนหุ้นเทคจีน โดยมองว่ารัฐบาลจีนจะยังคงใช้นโยบายสนับสนุนเศรษฐกิจต่อ นอกจากนี้การเข้ามาควบคุมการแข่งขันด้านราคามีโอกาสจะช่วยหนุนกำไรบริษัทจดทะเบียนในอุตสาหกรรมที่รัฐบาลเข้ามาดูแลให้เพิ่มขึ้นในระยะยาว เช่น EV พลังงานสะอาด และกลุ่มแพลตฟอร์ม ซึ่งเป็นกลุ่มที่กองทุนลงทุน ด้านพื้นฐานมองว่า EPS Growth ในไตรมาสที่เหลือของปียังเติบโตในระดับสูง และโดดเด่นเมื่อเทียบกับหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯขณะที่ Valuation ยังถูก (Forward P/E 16.6 เท่า vs ค่าเฉลี่ย 5 ปี ที่ 24)

Global Healthcare:
Berkshire Hathaway ของ Warren Buffett เข้าซื้อหุ้น UnitedHealth Group จำนวน 5 ล้านหุ้น มูลค่า 1.6 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2/2025 แม้บริษัทยังเผชิญความท้าทายด้านต้นทุนการแพทย์สูงและผลประกอบการต่ำกว่าคาด แต่การเข้าซื้อดังกล่าวช่วยหนุน Sentiment ต่อหุ้นกลุ่ม Healthcare และเป็นแรงผลักดันสำคัญในระยะสั้น ขณะเดียวกัน Valuation ของกลุ่มยังอยู่ในระดับน่าสนใจหลังจากราคาปรับฐานลงมา อีกทั้ง ยังมีโอกาสได้รับแรงหนุนจากกระแสการสลับกลุ่มลงทุน (sector rotation) โดยเฉพาะเมื่อดัชนี S&P 500 เริ่มเข้าสู่ระดับ Valuation ที่ตึงตัว
Author
DR RHATSARUN TANAPAISANKIT
ดร.รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ

Head of Investment Strategy & Trading Product Specialist

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5