สรุปภาพรวมการลงทุนสัปดาห์นี้
สัปดาห์นี้ตลาดโลกปรับตัวขึ้นได้แม้จะถูกกดดันในช่วงต้นสัปดาห์ หลังสหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา 25% พร้อมกับจีน 10% ก่อนที่จะชะลอการเก็บภาษีกับแคนาดาและเม็กซิโกเป็นเวลา 1 เดือน หลังจากที่ทั้งสองประเทศยอมทำตามข้อเรียกร้องเรื่องความมั่นคง ขณะที่จีนประกาศมาตรการตอบโต้การที่สหรัฐฯ โดยจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ หลายรายการ 10%-15% อย่างไรก็ตามตลาดมองเป็นการตอบโต้เชิงสัญลักษณ์ เนื่องจากมูลค่าสินค้าที่จะถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มต่างจากที่สหรัฐจะเรียกเก็บมาก ทำให้ตลาดฟื้นตัวขึ้นมาได้ ท่าทีของ รมว. คลังสหรัฐที่มองว่ารัฐบาลให้น้ำหนักกับผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี มากกว่าทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ด้านตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาผสมผสาน ดัชนี ISM ภาคการผลิตของสหรัฐฯ เริ่มฟื้นตัวในเดือน ม.ค. เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี โดยเพิ่มขึ้นเป็น 50.9 จาก 49.2 ในเดือน ธ.ค. ซึ่งอาจเป็นผลจากการเร่งการนำเข้าและผลิตก่อนสงครามการค้า จึงต้องติดตามต่อไป ขณะที่ดัชนี ISM Services ลดลงมาอยู่ที่ 52.8 จาก 54.0 ในเดือน ธ.ค. ด้านตำแหน่งงานเปิดใหม่ (JOLT) ในเดือน ธ.ค. 2024 ต่ำกว่าคาด และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน ตลาดหุ้น EM ปรับตัวขึ้นได้เช่นกัน โดยตลาดหุ้นฮ่องกงปรับขึ้น 4.9% CSI300 ของจีน เพิ่มขึ้น 0.6% จากตัวเลขการเดินทางและการใช้จ่ายในช่วงวันหยุดตรุษจีนที่ออกมาไม่ได้แย่อย่างที่ตลาดกังวล ตลาดไทยลดลงรุนแรงท่ามกลางภาวะตลาดที่ขาดความเชื่อมั่น และประเด็นหุ้นรายตัว ราคาน้ำมันปรับลดลงจากความกังวลสงครามการค้าอาจกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและกดดันอุปสงค์น้ำมัน รวมถึงตัวเลขสต๊อกน้ำมันสหรัฐที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด
ตลาดหุ้นโลก
ตลาดโลกปรับตัวขึ้นได้เล็กน้อยหลังจากปรับตัวลดลงแรงหลังทรัมป์ประกาศเตรียมจะเก็บภาษีนำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา 25% พร้อมกับจีน 10% ก่อนที่จะประกาศชะลอการเก็บภาษีกับแคนาดาและเม็กซิโกเป็นเวลา 1 เดือน หลังจากที่ทั้งสองประเทศยอมทำตามข้อเรียกร้องเรื่องความมั่นคงชายแดนและการย้ายถิ่นฐาน ขณะที่จีนยังคงตอบโต้ โดยเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ หลายรายการ ที่ 10%-15%
ตลาดหุ้นไทย
หุ้นไทยลดลงรุนแรง ท่ามกลางภาวะตลาดที่ขาดความเชื่อมั่น และประเด็นหุ้นรายตัว ด้าน (1) กกร. เผยเศรษฐกิจไทยปี 2568 ยังขยายตัวจำกัดจากการกีดกันการค้า-เงินบาทแข็งยังสร้างผลกระทบ พร้อมคง GDP ที่ 2.4-2.9% (2) รมช. คลังเผยความคืบหน้าเงินหมื่นดิจิทัลเฟสสาม คาดจะชัดเจน ก.พ. นี้และจะสามารถเริ่มแจกได้ภายใน 2Q68 (3) เงินเฟ้อไทย ม.ค. 2568 สูงขึ้น 1.32% จากราคาน้ำมัน-อาหาร-ผักปรับเพิ่มขึ้น
ตลาดพันธบัตร
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับตัวลงที่ 4.44% ขณะที่ ระยะสั้น 2 ปีทรงตัวที่ 4.22% ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ย 2-10 ปี อยู่ที่ 22 bps
ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นที่ 2.28% ขณะที่ระยะสั้น อายุ 2 ปี ลดลงมาอยู่ที่ 2.04% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 5,281 ล้านบาท
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
ราคาน้ำมันดิบBrentปรับตัวลงสู่ 74.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลกังวลสงครามการค้าอาจชะลอเศรษฐกิจโลกและกดดันอุปสงค์น้ำมัน ส่วนสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นสูงกว่าคาดในสัปดาห์ก่อน ด้านราคาทองคำ (Spot)เพิ่มขึ้นที่ 2,855.81 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์
ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) แข็งค่าขึ้นที่ 107.8 จุด ขณะที่ค่าเงินเยนแข็งขึ้นที่ 151.6 เยน ด้านค่าเงินยูโรทรงตัวที่ 1.04 ดอลลาร์ต่อยูโร ด้านค่าเงินเอเชีย ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นที่ 33.64 บาท ขณะที่เงินหยวนอ่อนลงที่ระดับ 7.28 หยวน