สรุปภาพรวมการลงทุนสัปดาห์นี้
สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นโลกปรับเพิ่มขึ้น หลายตลาดทำจุดสูงสุดใหม่ เช่น สหรัฐ ญี่ปุ่น จากกระแสเปิดรับความเสี่ยงในช่วงต้นสัปดาห์ ที่ได้แรงหนุนจาก 1) การเลื่อนเจรจาข้อสรุปการค้าสหรัฐและจีนออกไปอีก 90 วัน เปิดทางให้ทั้ง 2 ประเทศมีเวลาหารือประเด็นอื่น เช่น ภาษีที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบขนเฟนทานิล, การซื้อพลังงานจากรัสเซีย–อิหร่าน และการดำเนินธุรกิจของสหรัฐฯ ในจีน 2) ผลประกอบการในภาพรวมออกมาดีกว่าที่คาด และ 3) ตัวเลขเงินเฟ้อ CPI ที่ออกมาต่ำกว่าตลาดคาด ตอกย้ำให้ตลาดเชื่อว่าเฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. อย่างไรก็ตามหลังเงินเฟ้อ PPI ออกมาสูงกว่าคาดมาก สะท้อนภาวะที่ผู้ผลิตต่างๆ เริ่มส่งผ่านต้นทุนที่สูงขึ้นจากภาษีนำเข้าไปยังผู้บริโภค ทำให้ความคาดหวังการลดดอกเบี้ยถูกปรับลงมาบ้าง ด้านตลาดหุ้น EM ปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยปัจจัยหนุนส่วนหนึ่งเกิดจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่า ส่งผลให้มีกระแสเงินไหลมายังตลาดเกิดใหม่ และความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ที่ล่าสุดรัฐบาลประกาศ 2 โครงการใหม่เพื่ออุดหนุนดอกเบี้ยสินเชื่อ ทั้งสินเชื่อส่วนบุคคลและธุรกิจ ด้านตัวเลขเศรษฐกิจจีนเดือน ก.ค. ยังบ่งชี้การชะลอตัวรอบด้าน ได้แก่ การผลิตภาคอุตสาหกรรม, ยอดค้าปลีก, การลงทุนสินทรัพย์ถาวร และอัตราว่างงาน ในส่วนของตลาดหุ้นไทยปรับตัวออกด้านข้าง (เพิ่มขึ้นเล็กน้อย) หลังปรับขึ้นมาแรงในช่วงที่เดือนที่ผ่านมา และเก็งกำไรการลดดอกเบี้ย ซึ่งเป็นไปตามคาด โดย กนง. มีมติเอกฉันท์ลดดอกเบี้ยนโยบายจาก 1.75% เป็น 1.50% เหตุเศรษฐกิจครึ่งหลังปี 2568 มีแนวโน้มชะลอ และเพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ด้านราคาน้ำมันแกว่งตัวในกรอบรอผลการเจรจาสหรัฐ-รัสเซียในช่วงปลายสัปดาห์
ตลาดหุ้นโลก
ตลาดหุ้นโลกปรับขึ้นในสัปดาห์นี้จาก (1) ตลาดคาดหวังการลดดอกเบี้ยของ Fed ในเดือน ก.ย. มากขึ้นหลัง นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รมว.คลังสหรัฐฯ เรียกร้องให้เฟดปรับลดดอกเบี้ย 0.50% (2) ) ปธน.ทรัมป์ ลงนามขยายเวลาข้อตกลงหยุดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนเป็นเวลาอีก 90 วัน (3) รัฐบาลจีนประกาศ 2 โครงการใหม่เพื่ออุดหนุนดอกเบี้ยสินเชื่อ ทั้งสินเชื่อส่วนบุคคลและธุรกิจ
ตลาดหุ้นไทย
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจาก (1) กนง. มีมติเอกฉันท์ลดดอกเบี้ยนโยบายจาก 1.75% เป็น 1.50% จากเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอลง (2) ศาล รธน. นัดแถลงด้วยวาจาและลงมติวินิจฉัยคดีคลิปเสียงนายกฯ แพทองธาร วันที่ 29 ส.ค. ซึ่งเป็นช่วงหลังจากการผ่านการพิจารณางบฯ วาระ 2-3 ไปแล้ว ดังนั้น จึงลดทอนความเสี่ยงของการยุบสภาก่อนการผ่านงบฯ ลงอย่างมีนัยสำคัญ
ตลาดพันธบัตร
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับลดลงที่ 4.27% ขณะที่ระยะสั้น 2 ปีลดลงที่ 3.73% ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ย 2-10 ปี อยู่ที่ 54 bps
ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ลดลงมาอยู่ที่ 1.37% ขณะที่ระยะสั้น อายุ 2 ปี ลดลงที่ 1.16% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิที่ 3,818 ล้านบาท
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
ราคาน้ำมัน Brent ปรับขึ้น 0.62%WoW สู่ 66.84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากความคาดหวังเฟดจะลดดอกเบี้ยนโยบายในช่วงต้นสัปดาห์ เป็น Sentiment บวกต่ออุปสงค์น้ำมัน ด้านราคาทองคำ (Spot) ปรับลง 1.8%WoW สู่ 3,334.99 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์
ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) อ่อนค่าลงที่ 98.09 จุด ขณะที่ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นที่ 147.23 เยน ด้านค่าเงินยูโรทรงตัวที่ 1.16 ดอลลาร์ต่อยูโร ด้านค่าเงินเอเชีย ค่าเงินบาททรงตัวที่ 32.41 บาท ขณะที่เงินหยวนทรงตัวที่ระดับ 7.18 หยวน