สรุปภาพรวมการลงทุนสัปดาห์นี้
สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นโลกผันผวนมากขึ้น จากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนทวีขึ้นอีกครั้ง หลังจีนประกาศขยายการควบคุมการส่งออกแร่หายาก ส่งผลให้ประธานาธิบดีทรัมป์ตอบโต้ด้วยการขู่ขึ้นภาษีสินค้าจีน 100% มีผลวันที่ 1 พ.ย. ล่าสุดสหรัฐฯ ใช้ประเด็นน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วเป็นเครื่องมือกดดันจีนเพิ่มเติม ประเด็นนี้น่าจะยังเป็นปัจจัยกดดันตลาดให้ผันผวนเพิ่มขึ้น จนกว่าจะมีความชัดเจน ในช่วงก่อนการพบกันของผู้นำทั้ง 2 ฝ่าย ในการประชุม APEC ปลายเดือน ต.ค. นอกจากนั้นปัญหาหนี้เสียในธนาคารภูมิภาคขนาดเล็กในสหรัฐกลับมากดดันตลาดในช่วงท้ายสัปดาห์ สะท้อนผ่าน VIX ที่เพิ่มขึ้นทะลุ 25 จุด IMF ปรับประมาณการการเติบโทางเศรษฐกิจโลกปี 2025 เป็น 3.2% จาก 3% ที่คาดการณ์ไว้ในเดือน ก.ค. แต่ยังคงมีคำเตือนแรงกดดันจากนโยบายภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ตลาดหุ้น EM ปรับขึ้นได้ดีกว่าหลังค่าเงินดอลลาร์กลับมาอ่อนค่า หนุนโดยไต้หวันเกาหลีและอินเดีย ขณะที่หุ้นจีนและฮ่องกงอ่อนตัวลง แม้การส่งออกจีน เดือน ก.ย. ขยายตัวจากเดือนก่อน และสูงกว่าตลาดคาด ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) ของจีนในเดือน ก.ย. หดตัวลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อน อย่างไรก็ตามยอดสินเชื่อเงินหยวน (Outstanding RMB Loans) ชะลอลงต่อเนื่อง 6.4%YoY (vs. 6.6% เดือนก่อน) สะท้อนความต้องการสินเชื่อจากทั้งภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจที่ยังอ่อนแอ แม้จะมีมาตรการสนับสนุนดอกเบี้ยกู้เพื่อผู้บริโภคในเดือน ก.ย. แล้วก็ตาม ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงเช่นเดียวกับภูมิภาคกลับลงมาต่ำ 1,300 จุด ตลาดยังรอปัจจัยใหม่ๆ ที่จะมาสนับสนุนการปรับตัวขึ้นได้ต่อ หลังนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ประกาศออกมา เช่น กระตุ้นการบริโภคและท่องเที่ยวถูกรับรู้ไปแล้วในระดับหนึ่ง ราคาน้ำมันอ่อนตัว จากความกังวลอุปสงค์ชะลอหากสงครามการค้ารุนแรงเพิ่มขึ้น อีกทั้งมุมมองของ IEA ยังมีการปรับเพิ่มอุปทานส่วนเกินในปี 2026 เพิ่มขึ้นอีกด้วย
ตลาดหุ้นโลก
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับลดลงเล็กน้อยจาก (1) ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนทวีขึ้นอีกครั้ง หลังจีนประกาศควบคุมการส่งออกแร่หายาก ส่งผลให้ประธานาธิบดีทรัมป์ตอบโต้ด้วยการขู่ขึ้นภาษีสินค้าจีน 100% มีผลวันที่ 1 พ.ย. (2) ด้านยอดสินเชื่อเงินหยวนชะลอลงต่อเนื่อง 6.4%YoY (vs. 6.6% เดือนก่อน) สะท้อนความต้องการสินเชื่อจากทั้งภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจที่ยังอ่อนแอ
ตลาดหุ้นไทย
ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมาตามตลาดโลก (1) ที่ประชุม ครม. เห็นชอบมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศผ่านสิทธิลดหย่อนภาษีรายบุคคลสูงสุด 20,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.–15 ธ.ค. 2568 (2) ส.อ.ท.เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.ย. อยู่ที่ 87.8 จาก 86.4 ใน ส.ค. ถือเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน (3) ธปท. มองแนวโน้มเงินเฟ้อ คาดจะยังต่ำต่อไปอีกระยะจะทยอยกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายใน 1Q26
ตลาดพันธบัตร
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับลดลงที่ 3.98% ขณะที่ระยะสั้น 2 ปีปรับเพิ่มขึ้นที่ 3.42% ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ย 2-10 ปี อยู่ที่ 56 bps
ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นที่ 1.60% ขณะที่ระยะสั้น อายุ 2 ปี เพิ่มขึ้นสู่ 1.20% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิที่ 199 ล้านบาท
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
ราคาน้ำมัน Brent ปรับลง 7.83%WoW สู่ 61.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล IEA ประเมินตลาดน้ำมันจะเผชิญอุปทานล้นเกินสูงขึ้นในปี 2026 ส่วนสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 3.5 ล้านบาร์เรล ราคาทองคำ (Spot) เพิ่มขึ้น 8.82%WoW สู่ 4,326.48 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์
ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) อ่อนค่าลงที่ 98.35 จุด ขณะที่ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นที่ 150.2 เยน ด้านค่าเงินยูโรทรงตัวที่ 1.17 ดอลลาร์ต่อยูโร ด้านค่าเงินเอเชีย ค่าเงินบาทที่ 32.7 บาแข็งค่าขึ้นที่ 32.52 ขณะที่เงินหยวนทรงตัวที่ระดับ 7.12 หยวน