สรุปภาพรวมการลงทุนสัปดาห์นี้
สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นโลกปรับตัวขึ้นต่อ โดยตลาดสหรัฐยังคงเดินหน้าทำจุดสูงสุดใหม่ แม้จะมีประเด็นวุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติไม่ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวของพรรครีพับลิกัน ทำให้เกิดภาวะ Government Shutdown ตลาดหุ้นยังได้แรงหนุนหลังตลาดกลับมาเพิ่มน้ำหนักการลดดอกเบี้ยของเฟดในปี 2026 เพิ่มเป็น 3 ครั้ง สะท้อนจากตัวเลขจ้างงานที่แย่กว่าคาด ซึ่งเป็นปัจจัยที่เฟดเลือกให้น้ำหนักในขณะนี้ รายงานการจ้างงานภาคเอกชน (ADP) เดือน ก.ย. ลดลง -32,000 ตำแหน่ง ตรงข้ามกับที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 51,000 ตำแหน่ง อีกทั้งตัวเลขเดือน ส.ค. ถูกทบทวนลงจากเดิม +54,000 เหลือ -3,000 ตำแหน่ง แสดงให้เห็นว่าภาพรวมการจ้างงานยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง กลุ่ม Health Care ปรับตัวขึ้นโดดเด่น +6% โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มเวชภัณฑ์ หลังจากมีข่าวว่าบริษัท Pfizer ได้บรรลุข้อตกลงกับทำเนียบขาว ช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับนโยบายด้านราคา รวมถึงภาษียามีผลกระทบน้อยกว่าที่คาด กลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น 2.8% จากพัฒนาการและกระแสของ AI ที่ดีขึ้นต่อเนื่อง มุมมองดอกเบี้ยดังกล่าวกดดันค่าเงินดอลล่าร์กลับมาอ่อนค่า และหนุนตลาดหุ้น EM ในเอเชียให้ปรับตัวขึ้นได้ดีในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีนและฮ่องกง ก่อนจะเข้าสู่ช่วงหยุดยาวในช่วง golden week ของประเทศจีน ด้านตัวเลข ISM Manufacturing PMI เดือน ก.ย. 2025 อยู่ที่ 49.1 แม้จะยังอยู่ในเกณฑ์หดตัว แต่เป็นการปรับเพิ่มจากเดือนก่อน และสูงที่สุดในรอบ 7 เดือน ตลาดหุ้นไทยทรงตัวเป็นการฟื้นในช่วงปลายสัปดาห์ตามตลาดภูมิภาค แม้รายงานเศรษฐกิจไทยเดือน ส.ค. ชะลอลงจากเดือนก่อน จากผลผลิตภาคเกษตร การผลิตภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิต ตลาดยังคาดวังแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี ราคาน้ำมันอ่อนตัวลงแรงกดดันจากข่าว OPEC+ กำลังพิจารณาเพิ่มการผลิตต่อเนื่องในเดือน พ.ย.
ตลาดหุ้นโลก
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา (1) ตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐฯ ส่งสัญญาณชะลอลงต่อเนื่อง ประกอบกับการเกิดภาวะ Government Shutdown ที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เปิดทางให้ Fed ลดดอกเบี้ยในเดือน ต.ค. (2) ISM Manufacturing PMI เดือน ก.ย. 2025 อยู่ที่ 49.1 สูงสุดในรอบ 7 เดือน (3) อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนออกมาใกล้เคียงกรอบเป้าหมายของ ECB
ตลาดหุ้นไทย
ตลาดหุ้นไทยทรงตัวในสัปดาห์ที่ผ่านมา (1) ธปท. รายงานเศรษฐกิจไทยเดือน ส.ค. ชะลอลงจากเดือนก่อน จากผลผลิตภาคเกษตร การผลิตภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิต (2) สศอ. เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม MPI ส.ค. 2568 ลดลง 4.2%YoY สู่ 92.13 (3) รัฐบาลเผยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่าน 5 เสาหลัก เช่น คนละครึ่ง Plus, หักลดหย่อนภาษีท่องเที่ยวเมืองรอง, เสริมสภาพคล่อง SME ด้วยค้ำประกันสินเชื่อ
ตลาดพันธบัตร
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับลดลงที่ 4.09% ขณะที่ระยะสั้น 2 ปีปรับลดลงที่ 3.55% ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ย 2-10 ปี อยู่ที่ 54 bps
ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ทรงตัวที่ 1.41% ขณะที่ระยะสั้น อายุ 2 ปี ลดลงสู่ 1.15% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิที่ 1,304 ล้านบาท
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
ราคาน้ำมัน Brent ปรับลง 7.7%WoW สู่ 64.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล กังวล OPEC+ จะเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบต่อเนื่องใน พ.ย. นี้ และ Sentiment เชิงลบจากการซัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ราคาทองคำ (Spot) เพิ่มขึ้น 2.8%WoW สู่ 3,855.66 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์
ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) อ่อนค่าลงที่ 97.92 จุด ขณะที่ค่าเงินเยนแข็งขึ้นที่ 147.6 เยน ด้านค่าเงินยูโรทรงตัวที่ 1.17 ดอลลาร์ต่อยูโร ด้านค่าเงินเอเชีย ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงที่ 32.5 บาท ขณะที่เงินหยวนทรงตัวที่ระดับ 7.12 หยวน