Special Report - Global Strategy

ความแตกต่างระหว่าง Reserve Management Purchases (RMP) กับ QE

By ดร.รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ|11 Dec 25 8:01 AM
Special Report (Global Strategy)
สรุปสาระสำคัญ

ความแตกต่างระหว่าง Reserve Management Purchases (RMP) กับ QE

By INVX Investment Products & Strategy (11/12/2568)

Reserve Management Purchases กับ Quantitative Easing (QE) แม้จะเป็นการซื้อพันธบัตรทั้งคู่ แต่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทั้งในเรื่องวัตถุประสงค์ ขนาด และผลกระทบต่อนโยบายการเงิน


"วัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน: รักษาระดับ vs. กระตุ้น"

Reserve Management Purchases เป็นมาตรการเชิงเทคนิคที่มีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาระดับเงินสำรอง (reserves) ในระบบธนาคารพาณิชย์ให้อยู่ในระดับ "เพียงพอ" (ample) ไม่ใช่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ Fed ต้องการให้แน่ใจว่าธนาคารมีเงินสำรองเพียงพอสำหรับการดำเนินงานและการชำระบัญชีระหว่างกัน โดยเฉพาะหลังจากที่งบดุล Fed ลดลงมาจากการทำ Quantitative Tightening (QT) ในช่วงที่ผ่านมา การซื้อพันธบัตรครั้งนี้จึงเป็นการ "เติมเงิน" กลับเข้าระบบเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาสภาพคล่องในตลาดเงิน
ในทางตรงกันข้าม Quantitative Easing (QE) เป็นนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย (accommodative monetary policy) ที่มีเป้าหมายชัดเจนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดต้นทุนการกู้ยืม และผลักดันเงินเฟ้อขึ้น โดย Fed จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตรที่มีอายุยาวเพื่อกดอัตราผลตอบแทนระยะยาว (long-term yields) ให้ลดลง ทำให้ต้นทุนการกู้ยืมของธุรกิจและผู้บริโภคถูกลง และส่งเสริมให้มีการลงทุนและการใช้จ่ายมากขึ้น QE มักถูกใช้ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจหรือเมื่อดอกเบี้ยอยู่ใกล้ศูนย์แล้วและไม่สามารถลดต่อได้


"ขนาดและระยะเวลาที่ต่างกัน"

Reserve Management Purchases ที่ Fed ประกาศ (10/12/2568) มีขนาดค่อนข้างเล็ก คือประมาณ 40 พันล้านดอลลาร์ต่อเดือน หรือรวมกับการนำเงินจาก mortgage-backed securities มาลงทุนใหม่แล้วประมาณ 60 พันล้านดอลลาร์ต่อเดือน และคาดว่าจะชะลอตัวลงหลังเดือนเมษายน เมื่อยอดเงินใน Treasury General Account (TGA) ปรับตัวลง มาตรการนี้จะดำเนินไปตามความจำเป็นและปรับขนาดตามการเติบโตของหนี้สินที่ไม่ใช่ TGA ของ Fed ซึ่งเป็นการดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไปและมีขนาดพอประมาณ

ส่วน QE นั้นมีขนาดใหญ่มากและดำเนินการในระยะเวลาที่ยาวนาน ตัวอย่างเช่น ในช่วงวิกฤต COVID-19 ปี 2020 Fed ซื้อพันธบัตรมากกว่า 120 พันล้านดอลลาร์ต่อเดือน (80 พันล้านดอลลาร์ใน Treasury และ 40 พันล้านดอลลาร์ใน mortgage-backed securities) และดำเนินการต่อเนื่องเป็นเวลานานหลายปี ทำให้งบดุล Fed พุ่งขึ้นจากประมาณ 4 ล้านล้านดอลลาร์เป็นเกือบ 9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ


"ประเภทพันธบัตรที่ซื้อ"

Reserve Management Purchases จะเน้นซื้อพันธบัตรระยะสั้นโดยเฉพาะ Treasury bills ซึ่งมีอายุไม่เกิน 1 ปี เพราะเป้าหมายคือการเพิ่มสภาพคล่องในระบบโดยไม่ต้องการส่งผลกระทบต่อโครงสร้างอัตราดอกเบี้ยในตลาด การซื้อพันธบัตรระยะสั้นจะไม่กดอัตราผลตอบแทนระยะยาวลง จึงไม่ถือเป็นการผ่อนคลายนโยบายการเงินในความหมายที่แท้จริง
ในขณะที่ QE จะซื้อพันธบัตรทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยเฉพาะพันธบัตรระยะยาว 10 ปีและ 30 ปี รวมถึง mortgage-backed securities เพื่อกดอัตราผลตอบแทนระยะยาวและอัตราดอกเบี้ยจำนองบ้านให้ลดลง ซึ่งมีผลโดยตรงต่อต้นทุนการกู้ยืมและการตัดสินใจลงทุนของภาคเอกชน


"ผลกระทบต่อตลาดและเศรษฐกิจ: ไม่มาก แต่ก็ถือว่าดีกว่าไม่มี"
Reserve Management Purchases มีผลกระทบต่อตลาดค่อนข้างจำกัด เนื่องจากเป็นมาตรการเชิงเทคนิคที่ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่การเปลี่ยนแปลงสภาวะทางการเงิน แต่อย่างไรก็ตาม การเพิ่มสภาพคล่องในระบบ 60 พันล้านดอลลาร์ต่อเดือนก็ยังคงเป็นปัจจัยบวกสำหรับสินทรัพย์เสี่ยง เพราะช่วยลดความกังวลเรื่องการขาดแคลนสภาพคล่องและทำให้ระบบการเงินทำงานได้ราบรื่นขึ้น นักลงทุนมักมองว่าเป็น "QE lite" หรือ "stealth QE" แม้ว่า Fed จะยืนยันว่าไม่ใช่ก็ตาม
QE มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อทั้งตลาดการเงินและเศรษฐกิจจริง การกดอัตราผลตอบแทนระยะยาวลงทำให้ต้นทุนการกู้ยืมถูกลง ราคาสินทรัพย์ทั้งหุ้นและอสังหาริมทรัพย์พุ่งขึ้น และดอลลาร์อ่อนค่าลง ซึ่งช่วยสนับสนุนการส่งออก นอกจากนี้การที่ Fed ขยายงบดุลอย่างมหาศาลยังส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าธนาคารกลางพร้อมสนับสนุนเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ ทำให้เกิด "wealth effect" และความเชื่อมั่นในตลาด

 

"สรุป: เครื่องมือคนละประเภท แต่ภาพรวมถือว่าหนุนสินทรัพย์เสี่ยงทั้งคู่"

แม้ว่าทั้งสองมาตรการจะเกี่ยวข้องกับการซื้อพันธบัตร แต่ Reserve Management Purchases เป็นเครื่องมือเชิงเทคนิคสำหรับการบริหารสภาพคล่องในระบบ ไม่ใช่นโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในขณะที่ QE เป็นนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายอย่างเต็มรูปแบบที่มุ่งเป้าไปที่การกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มเงินเฟ้อ นักลงทุนควรเข้าใจความแตกต่างนี้เพื่อไม่ตีความผิดว่า Fed กำลังกลับมาทำ QE อีกครั้ง แม้ว่าผลข้างเคียงในแง่ของการเพิ่มสภาพคล่องจะมีผลบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงในระดับหนึ่งก็ตาม

Author
DR RHATSARUN TANAPAISANKIT
ดร.รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ

Head of Investment Strategy & Trading Product Specialist

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5