Keyword
PDF Available  
Special Report - Thai Stocks

ดีเซลคงตึงตัว/ จีน-อินเดียนำเข้าน้ำมันดิบรัสเซียต่อ

By ชัยพัชร ธนวัฒโน|26 Aug 25 7:49 AM
สรุปสาระสำคัญ
  • สัปดาห์ก่อน Brent +2.5%WoW, GRM +3.7%, ถ่านหิน (NEX) -0.1%, ราคาก๊าซ US -7.9%
  • กลุ่ม O&G -1.7%WoW, โรงกลั่น 0%, ปิโตรเคมี +11%, ไฟฟ้า +3.1%, ถ่านหิน +1.3%
  • ท่อส่งน้ำมันดิบรัสเซียสู่ยุโรปถูกโจมตีอีกครั้ง คาดกระทบการกลั่นและซ้ำเติมภาวะอุปทานน้ำมันสำเร็จรูปตึงตัว โดยเฉพาะดีเซล ขณะที่รัสเซียยังมีมาตรการจำกัดการส่งออก รับความเสี่ยงสูงได้ เก็งกำไรระยะสั้น TOP แต่ระมัดระวังอุปทานที่เพิ่มขึ้นจากจีน, อินเดีย และสหรัฐฯ
  • จีนและอินเดียเดินหน้านำเข้าน้ำมันดิบรัสเซียต่อ ช่วยผ่อนคลายความตึงตัวอุปทานในตะวันออกกลาง Premium น้ำมันดูไบลดลง แต่ตามมาด้วยความเสี่ยงสหรัฐฯ จะกดดันรุนแรงขึ้นผ่านกลไกภาษีศุลกากร อาจมี Sentiment เชิงลบต่ออุปสงค์น้ำมัน ระมัดระวังการลงทุนอุตฯ ต้นน้ำ

การส่งออกน้ำมันดิบรัสเซียชะงักอีกครั้ง ดีเซลยุโรปคงตึงตัว ระยะต่อไปอุปทานมี Upside Risk

 

รัสเซียและยูเครนต่างยกระดับการโจมตีโดยมุ่งเป้าไปที่โครงสร้างพื้นฐานพลังงาน ในช่วงสุดสัปดาห์ก่อนยูเครนโจมตีท่อส่งน้ำมัน Druzhba รัสเซียอีกครั้ง คาดจะกระทบน้ำมันดิบที่เข้าสู่ฮังการีและสโลวาเกียเป็นเวลาอย่างน้อย 5 วัน แม้ในช่วงกลางสัปดาห์ที่ก่อนท่อน้ำมันข้างต้นเพิ่งจะกลับมาส่งออกจากการโจมตีครั้งแรก ขณะที่รัสเซียได้ระงับการส่งออกเบนซินชั่วคราวถึง ก.ย. นี้ และจำกัดการส่งออกดีเซลบางส่วน เพื่อลดความเสี่ยงเกิดภาวะขาดแคลนเนื่องจากเข้าสู่ช่วงฤดูกาลและยูเครนได้โจมตีโรงกลั่นรัสเซียในช่วงก่อนหน้า (Reuters)

 

มองเป็นบวกระยะสั้นต่อโรงกลั่นที่มีสัดส่วนการผลิตดีเซลสูงจากความตึงตัวของอุปสงค์-อุปทานดีเซลในยุโรปที่จะมีต่อไป จากการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มเติมจากฮังการีและสโลวาเกียเพื่อชดเชยการผลิตของโรงกลั่นที่ลดลงเนื่องจากการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียชะงักลง โดยทั้งสองประเทศมีกำลังการผลิตโรงกลั่นรวม 289kBD หรือคิดเป็น 2.3% ของกำลังการผลิตของ EU (Offshore-technology) ขณะที่อุปทานน้ำมันสำเร็จรูปอยู่ในระดับต่ำ เช่นเดียวกับทั่วโลกและสหรัฐฯ (Figure 2) สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง เชิงกลยุทธ์ เก็งกำไรระยะสั้น TOP จากส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่สูงขึ้นจากความตึงตัวของอุปทานในยุโรป โดยเฉพาะดีเซล และการแย่งชิงอุปทานตะวันออกกลางที่ลดลงทำให้ต้นทุนน้ำมันดิบมี Premium ลดลง แต่ในระยะต่อไปมองธุรกิจโรงกลั่นมีความเสี่ยงจาก 1) โรงกลั่นจีนที่มีแนวโน้มผลิตเพิ่มขึ้น สะท้อนจากการนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นใน ก.ค. (Figure 3) และสต็อกน้ำมันดิบจีนที่เพิ่มขึ้นชะลอลงใน ก.ค. เหลือ +530kBD จาก มิ.ย. ที่ +1.42MBD (Reuters); 2) โรงกลั่นอินเดียที่ตัดสินใจกลับมานำเข้าน้ำมันดิบรัสเซีย ซึ่งมองว่าเป็นสาเหตุทำให้ค่าการกลั่นฟื้นตัวในช่วงที่ผ่านมา (Figure 4); และ 3) โรงกลั่น Heavy Crude สหรัฐฯ จะกลับมาผลิตอีกครั้ง หลังสิ้นสุดช่วงซ่อมบำรุงตามฤดูกาล และแหล่งอุปทาน Heavy Crude จากแคนาดาที่เคยเกิดเหตุไฟป่ากระทบการผลิตราว 5MBD, รัฐบาลสหรัฐฯ อนุญาต Chevron (CVX.US) ส่งออกน้ำมันดิบเวเนซุเอลาชั่วคราวราว 200kBD (Argus) และนำเข้าจากกลุ่ม OPEC+ สำหรับนักลงทุนระยะยาว พิจารณารอเข้าสะสมหลังเริ่มเห็นผลกระทบจากอุปทานที่จะเข้ามาเพิ่มเติม เชิงพื้นฐาน ในกลุ่มโรงกลั่นชอบ BCP ซึ่งมีการกระจายความเสี่ยงเชิงธุรกิจสูง โดยเฉพาะธุรกิจก๊าซฯ ธรรมชาติที่จะได้ประโยชน์จากการเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวในช่วงสิ้นปีนี้ และระยะสั้นได้ประโยชน์จากราคาก๊าซฯ ยุโรปที่ปรับขึ้นหลังการเจรจาสันติภาพรัสเซีย-ยูเครนยังไม่ได้ข้อสรุป

 

 

จีน-อินเดียนำเข้าน้ำมันดิบรัสเซียต่อ Premium น้ำมันดูไบลดลง แต่เสี่ยงสหรัฐฯ กดดันหนักขึ้น

 

จีนนำเข้าน้ำมันดิบรัสเซียต่อเนื่องใน ก.ค. 2025 8.71 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 16.8%YoY หรือ 20% ของการนำเข้าทั้งหมด และนำเข้าจากซาอุฯ, อิรัก, มาเลเซีย เป็นต้น (Figure 6) แต่ไม่มีการนำเข้าน้ำมันดิบสหรัฐฯ นับตั้งแต่ มิ.ย. 2025 (SCMP) โรงกลั่นอินเดียตัดสินใจกลับมานำเข้าน้ำมันดิบรัสเซียอีกครั้งจากราคาส่วนต่างน้ำมันดิบรัสเซียที่น่าดึงดูด แม้ก่อนหน้านี้จะเผชิญแรงกดดันจากมาตรการคว่ำบาตรจาก EU และมาตรการด้านภาษีศุลกากรจากสหรัฐฯ (Reuters)

 

มองตลาดน้ำมันยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน จีนและอินเดียซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่และคงนำเข้าจากรัสเซียต่อจะสร้างความเสี่ยงเชิงนโยบาย โดยอาจทำให้สหรัฐฯ เพิ่มแรงกดดันมากขึ้นผ่านนโยบายการค้าและภาษีศุลกากร ซึ่งจะเป็น Sentiment กระทบอุปสงค์โลก แม้ประเด็นข้างต้นจะช่วยคลายความกังวลการแย่งชิงอุปทานน้ำมันดิบในตะวันออกกลางและคาดว่าจะไม่มีการสับเปลี่ยนแหล่งอุปทาน Heavy Crude จากรัสเซียเป็นตะวันออกกลางในระยะต่อไป โดยส่วนต่างราคา Brent-Dubai ติดลบลดลงสู่ -US$1.68/bbl เทียบกับค่าเฉลี่ยใน ส.ค. 2025 ที่ -US$2.38/bbl (Figure 7) นอกจากนี้มีความไม่แน่นอนจากการเดินหน้าเร่งเพิ่มการผลิตของ OPEC+ แม้จะได้เพิ่มกลับคืนจากมาตรการลดการผลิตโดยสมัครใจ 2.2MBD ใน ก.ย. 2025 แล้ว และการผลิตที่ไม่เป็นไปตามแผนในช่วงที่ผ่านมา (Figure 8) ระมัดระวังการลงทุนในอุตฯ น้ำมันต้นน้ำ ติดตามท่าทีของสหรัฐฯ และการยกระดับมาตรการกดดันประเทศนำเข้าน้ำมันดิบรัสเซีย

 

ความเสี่ยง: เศรษฐกิจโลกที่ผันผวน, สถานการณ์ในตะวันออกกลาง, การเมืองในประเทศ, นโยบายพลังงานสหรัฐฯ และไทย, รัสเซีย-ยูเครน, นโยบายการผลิตของ OPEC+

Author
Slide12
ชัยพัชร ธนวัฒโน

นักวิเคราะห์อาวุโสกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5