INVX ประเมินว่า หากความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชายืดเยื้อหรือยกระดับรุนแรงขึ้น จะส่งผลกระทบจำกัดต่อเศรษฐกิจไทย แต่กัมพูชาจะมีความเสี่ยงต่อการหยุดชะงักทางเศรษฐกิจอย่างเด่นชัดมากกว่า ขณะเดียวกันจะมีผลกระทบจำกัดต่อตลาดหุ้นไทย เพราะมีความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจโดยตรงกันน้อย และไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยต่อหุ้นขนาดใหญ่ใน SET50/SET100 ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้มีรายได้จากกัมพูชา
ทั้งนี้กลยุทธ์ลงทุนสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง โดยคาดสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา คลี่คลายลงหรือยุติได้เร็ว ซึ่งจะหนุนให้ราคาหุ้นฟื้นตัวได้เร็ว (Rebound) แนะนำซื้อเก็งกำไรสำหรับ AEONTS CBG ส่วนนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำและกังวลสถานการณ์ไทย-กัมพูชา แนะนำทยอยสะสม สำหรับ 1) ธีม Laggard Play ซึ่งคาดได้อานิสงส์หาก Fund Flow ไหลเข้าต่อและยังได้รับผลกระทบจำกัดจากความขัดแย้งไทย-กัมพูชา โดยเลือกหุ้น SET 50 ซึ่งราคาหุ้นปรับขึ้น MTD ต่ำกว่า SET และ Valuation ถูก อีกทั้งมีปัจจัยพื้นฐานดี แนะนำ BDMS CPALL MINT MTC PTT และ 2) ธีม High Dividend ที่มีคุณภาพดี (SET50 ที่มี SETESG Rating A ขึ้นไป) เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุน โดยคาดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 1H68 และให้ Div. Yield เกิน 2% และยังได้รับผลกระทบจำกัดจากความขัดแย้งไทย-กัมพูชา แนะนำ ADVANC BBL PTT
วานนี้กองทัพกัมพูชายิงอาวุธหนักเข้าฝั่งไทยก่อน ทำให้กองทัพไทยตอบโต้โดยส่งเครื่องบินรบ F16 โจมตีฐานยิงของกัมพูชา ซึ่งแม้เหตุปะทะกันดังกล่าวจะทำให้มีแรงขายลดความเสี่ยงส่งผลให้ SET ปรับลง 0.58%DoD แต่อย่างไรก็ดี INVX มองหากความขัดแย้งยืดเยื้อหรือยกระดับรุนแรงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในระดับไม่มากนัก เพราะไทยมีมูลค่าส่งออกไปกัมพูชาคิดเป็นเพียง 3% ของการส่งออกไทยทั้งหมด แต่จะมีผลกระทบต่อบางอุตสาหกรรม ที่พึ่งพาส่งออกไปตลาดกัมพูชา โดยเฉพาะสินค้าพลังงานและสินค้าอุปโภคบริโภคบางประเภท (เครื่องดื่ม ปุ๋ย) ขณะที่ผลกระทบต่อกัมพูชาจะรุนแรงกว่ามากทั้งในแง่การสูญเสียเงินโอน (6.6% ของ GDP กัมพูชา) และการขาดแคลนสินค้าจำเป็น (น้ำมันสำเร็จรูป ปุ๋ย และอาหาร) ส่งผลให้ราคาสินค้าหลายชนิดจะปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงว่างงานและความยากจนในครัวเรือน กระทบต่อความมั่นคงอย่างรุนแรงกว่าฝ่ายไทย
INVX ประเมินผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยยังจำกัด เพราะไทยและกัมพูชามีความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจโดยตรงกันน้อย และไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยต่อหุ้นขนาดใหญ่ใน SET50/SET100 ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้มีรายได้จากกัมพูชา โดยหุ้นไทยที่มีความเสี่ยงสูงต่อสถานการณ์กัมพูชา เมื่อพิจารณาจากสัดส่วนรายได้ ได้แก่ SAV (100%), CBG (14%), AEONTS (7%) ขณะที่หุ้นที่มีผลกระทบจำกัด ได้แก่ BH (4%), CPF–BTG (3–4%), BDMS (3%), OR (3%) SCC (3%), GLOBAL (2%) และ BCH (2%) ส่วนกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำ (<1%) ได้แก่ CPALL, CPAXT, BJC, MINT, CENTEL, ERW, BBL, KBANK และ SCB
Summary
INVX believes that if the Thailand-Cambodia conflict is prolonged or escalates, the impact on the Thai economy will be limited, while Cambodia faces a significantly higher risk of economic disruption. At the same time, the effect on the Thai stock market is expected to be minimal due to limited direct economic linkage, with no significant impact on large-caps in the SET50/SET100, most of which do not derive revenue from Cambodia. For high-risk-tolerant investors, assuming a swift resolution or de-escalation of the Thailand-Cambodia conflict, which would support a rapid stock price rebound, a speculative buy is recommended for AEONTS and CBG. For low-risk-tolerant investors concerned about the Thailand-Cambodia situation, a gradual accumulation is advised: 1) Laggard plays: expected to benefit if fund inflows continue and are only marginally affected by the conflict. Recommended SET50 stocks are those with lower gains MTD than the SET and attractive valuations, supported by strong fundamentals - BDMS, CPALL, MINT, MTC, and PTT. 2) High dividends with strong quality (SET50 stocks rated A or higher in SET ESG) to generate cash flow for portfolios, expected to pay interim dividends in 1H25 with yields above 2%, and minimally affected by the conflict. Recommended stocks include ADVANC, BBL, and PTT.
Download EN version click >> Investment-Strategy-in-the-Thai-Stock-Market-Amid-the-Thailand-Cambodia-Border-Clashes_250725_E.pdf