ผลกระทบจากการเพิ่มขนาดกองทุนวายุภักษ์ 1 - Update

 

อ้างอิงข้อมูลจาก Factsheet ของกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 สำหรับผู้ถือหน่วยลงทุนประเทศ ก. ที่กำลังจะเปิดขาย ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับนโยบายการลงทุนใกล้เคียงกับรายงานของ INVX ที่นำเสนอไปในวันที่ 28 ส.ค. 2567 โดยมีการประกาศผลตอบแทนขั้นต่ำที่ 3% และขั้นสูงที่ 9%

 

InnovestX เลือกหุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์จากส่วนขยายของกองทุนวายุภักษ์ ได้แก่ ADVANC BBL BCP HMPRO และ KTB

 

อัตราผลตอบแทน จ่ายตามผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจริง แต่ไม่น้อยกว่าอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำที่ 3% ต่อปีและอัตราผลตอบแทนขั้นสูงไม่เกิน 9% ต่อปี คงที่ตลอด 10 ปี โดยจะจ่ายผลตอบแทนในรูปเงินปันผล อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง

 

การคุ้มครองเงินลงทุน ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. (นักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบัน) มีสิทธิได้รับชำระคืนจากมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) ของกองทุนก่อน (waterfall structure) ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข (กระทรวงการคลัง และนักลงทุนภาครัฐ)  หมายเหตุ ในกรณีที่ตลาดมีการปรับลดลงอย่างรุนแรง อาจไม่ได้ผลตอบแทน และเงินลงทุนเต็มจำนวนตามที่กำหนดไว้ข้างต้น (รายละเอียดในหน้า 4)

 

นโยบายการลงทุน ได้แก่ 1) หลักทรัพย์สภาพคล่อง 2) หลักทรัพย์เชิงรุก/เชิงรับ เช่น 2.1) หุ้นใน SET 100 ที่มี SET ESG Rating ระดับ A ขึ้นไป 2.2) REIT/IFF ใน SET100 และมีสภาพคล่อง และ 2.3) หุ้นนอก SET100 ที่ผลประกอบการดี SET ESG Rating ระดับ AA ขึ้นไป รวมถึงหลักทรัพย์และหน่วยลงทุนในต่างประเทศ 3) หลักทรัพย์อื่น เช่น หลักทรัพย์นอกตลาด, ตราสารหนี้ Non-Investment grade/ unrated securities, หน่วยลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ และ private equity รวมไม่เกิน 10% ของ NAV

 

ประเมิน Upside ต่อ SET Index 50-80 จุด บนสมมติฐานวงเงิน 1-1.5 แสนล้านบาท คาดจะปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันจะเพิ่มขึ้น 3.0-4.4 หมื่นล้านบาท (อ้างอิงส่วนต่างช่วงก่อนจัดตั้งกองทุน 12 เดือน และหลังจัดตั้งกองทุน 3 เดือน) และหนุน SET Index ได้ราว 50-80 จุด บนสมมติฐานผลตอบแทน 3 เดือนหลังจัดตั้งกองทุนในปี 2003 และสัดส่วนของวงเงินต่อมูลค่าตลาดของ SET Index (รายละเอียดในหน้า5-6)

 

หุ้นที่ประเมินว่ามีโอกาสเข้าเกณฑ์การลงทุนของกองทุนวายุภักษ์ ในมุมมองของเรา ได้แก่ ปันผลสูงกว่า 3.5% ต่อปี เพื่อสร้างกระแสเงินสดสำหรับผลตอบแทนขั้นต่ำต่อปี เป็นหุ้นใน SET 100 ที่มีESG และ CG ซึ่ง ตลท. ให้ความสำคัญ และผลประกอบการปี 2025 มีแนวโน้มเติบโต ได้แก่ ADVANC BBL TTB KBANK KTB TCAP HMPRO BCP TOP BAM OSP SIRI AP LH และ PTT

 

ความเสี่ยง ภาวะตลาดในปัจจุบันที่แตกต่างจากในปี 2003-2004 การเติบโต GDP ของไทยมากกว่า 6% เทียบกับปัจจุบันที่ 2-3% ทำให้การเติบโตของกำไรของ บจ. อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า, ทางเลือกลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น