บทสรุปสำหรับสัปดาห์ (6-10 ก.พ.)
ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลง หลังจากที่คณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐออกมาให้ความเห็นต่อนโยบายการเงินที่ตึงตัวมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ประกอบกับตัวเลขผลประกอบการไตรมาสที่ 4/22 ออกมาชะลอตัวลงและหลายอุตสาหกรรมต่ำกว่าที่คาดการณ์ นอกจากนั้นความเสี่ยงเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ยังกดดันตลาด
กระแสเงินในสัปดาห์ที่ผ่านมากระแสเงินยังไหลเข้าตราสารหนี้ต่อเนื่อง ในขณะที่มีเงินไหลออกจากตราสารทุนหลังจากที่ไหลเข้าสี่สัปดาห์ติดต่อกันก่อนหน้านี้ ประกอบกับความเสี่ยงในภาพรวมเพิ่มสูงขึ้นทำให้กระแสเงินไม่เด่นชัดเหมือนก่อนหน้านี้
เศรษฐกิจทั่วโลกยังอยู่ในทิศทางที่ชะลอตัวลงต่อเนื่อง ประกอบกับผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ที่ออกมามีทิศทางที่ชะลอตัวลงและตัวเลขชี้นำก็ยังส่งสัญญาณไม่ดีมากนักทำให้ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นทั่วโลกมีการปรับประมาณการลง 1.2% โดยเฉพาะในตลาดยุโรปและตลาดสหรัฐที่ปรับลดคาดการณ์กำไรลง 1-2% ส่วนจีนและญี่ปุ่นปรับลงน้อยกว่าด้วยเหตุผลของต้นทุนพลังงานที่ลดลงและการเปิดเมืองเป็นสำคัญตามลำดับ
ภาพรวม – ตลาดในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดให้ความสำคัญกับ Sentiment เชิงลบจากท่าทีของธนาคารกลางที่จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่ตลาดคาดว่าจะลดลงใน 2H23 ทำให้ตลาดต้องปรับความคาดหวัง นอกจากนั้นความเสี่ยงความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับตลาดให้ความสำคัญกับแนวโน้มผลประกอบการที่ชะลอตัวลงต่อเนื่องทั้งใน 4Q22-1Q23 ดังนั้นตลาดจะกลับมามองที่แนวโน้มกำไรมากกว่าแนวโน้มดอกเบี้ย
กลยุทธ์ – สัปดาห์นี้ (13 ก.พ. - 17 ก.พ.) มองว่าตลาดจะมีความผันผวนในทิศทางลบมากขึ้นทั้งนี้มองว่าผลประกอบการของสหรัฐมีแนวโน้มออกมาไม่ดีมากนัก นอกจากนั้นผลประกอบการทางฝั่งยุโรปจะออกมามากขึ้นซึ่งมีแนวโน้มไม่ได้แตกต่างไปจากทางฝั่งสหรัฐ ประกอบกับความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์ดูแย่ลงในระยะสั้น โดยสัปดาห์นี้เรายังเน้นเก็งกำไรในหุ้นผลประกอบการดีใน 4Q22-1Q23 ต่อเนื่อง มองภาพข่าวเศรษฐกิจนั้นสะท้อนอยู่ในราคาแล้วระดับหนึ่งทำให้ Upside จำกัดในช่วงสั้น
หุ้นแนะนำ – เน้นหุ้นที่คาดว่าผลประกอบการดีและราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่ากลุ่ม โดยเราเลือก Coca-Cola และ Nestle ซึ่งจะประกาศผลประกอบการและให้แนวโน้มใน 2023 ในสัปดาห์นี้