INVX Global Morning Routine - 2 พ.ค. 2566

บทสรุป

• ตลาดในภาพรวมปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากนักลงทุนคาดหวังว่าในการเปลี่ยนท่าทีของ FED แต่ยังมีประเด็นของเพดานหนี้และความเสี่ยงเศรษฐกิจกระแสเงิน 1) เห็นแรงซื้อกลับในตราสารหนี้โดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ป้องกันเงินเฟ้อ 2) มีแรงซื้อเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มการเงินหลังจากภาพปัญหาการขาดสภาพคล่องลดลง 3) มีแรงขายในหุ้นขนาดเล็กตามความกังวลเรื่องผลประกอบการและการปรับประมาณการลงจากความผันผวนจากปัจจัยภายนอก 4) มีเงินไหลออกจากหุ้นธีม Growth สะท้อนได้จากผลประกอบการที่ค่อนข้างอ่อนแอ 5) ยังมีแรงขายในตลาดหุ้นจีนทั้งนี้จากความกังวลเรื่องการปฎิรูปและการลดการกระตุ้นเศรษฐกิจลงหลังจากเปิดประเทศมาระยะหนึ่งแล้ว
•  
• ภาพรวมยังคงผันผวน กลุ่ม Reopening ในจีนปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.2% ทั้งนี้มองว่านักลงทุนได้รับข่าวบวกจากผลประกอบการที่ดีกว่าที่คาดและตัวเลขยอดรายได้คาสิโนของมาเก๊าที่เพิ่มขึ้น 440% YoY และดีกว่าที่คาดทำให้หุ้นกลุ่ม Reopening ปรับเพิ่มขึ้น กลุ่ม Tourism และคาสิโนและโรงภาพยนตร์เพิ่มขึ้น 1-5%
•  
• สิ่งที่คาดหวังจากการประชุมธนาคารกลางสหรัฐในวันที่ 2-3 พ.ค. นั้นจะประกอบการไปด้วย 1) คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐจะขึ้นดอกเบี้ย 25bps เป็น 5-5.25% และคาดว่าจะหยุดการขึ้นดอกเบี้ยในรอบนี้ ซึ่งตลาดเองก็สะท้อนไปแล้วเพราะดอกเบี้ยสุดท้ายในเดือน มิ.ย. นั้นอยู่ที่ 5.3% 2) คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐจะมีการส่งสัญญาณการหยุดขึ้นดอกเบี้ยเหมือนอย่างในอดีตที่ผ่านมา แต่จะยังคง
• ท่าที Hawkish ต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะออกมาในแนวที่ว่าดอกเบี้ยนโยบายและนโยบายการเงินนั้นอยู่ในระดับที่ตึงตัวเพียงพอที่จะทำให้เงินเฟ้อกลับมาสู่เป้าหมาย 2% ได้ แต่จะมีการติดตามข้อมูลมและผลกระทบอย่างต่อเนื่อง 3) ติดตามท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐที่มีต่อประเด็นปัญหาสภาพคล่องในกลุ่มธนาคาร, แนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและการความตึงตัวในการปล่อยกู้ของภาคธนาคาร รวมไปถึงความเสี่ยงของการขยายเพดานหนี้ของสหรัฐ ที่ดูเหมือนจะเป็นความเสี่ยงที่ทำให้ธนาคารกลางต้องเปลี่ยนท่าทีสำหรับการลดดอกเบี้ยในระยะถัดไป
•  
• ผลประกอบการใน 1Q23 ของ Colgate Palmolive นั้นออกมาดีกว่าที่คาดทั้งรายได้และกำไร นอกจากนั้นแนวโน้มกำไรของบริษัทยังอยู่ในช่วงสูงที่ตลาดได้คาดหวังไว้ทำให้เรามองว่าแนวโน้มกำไรยังดีและมีผลกระทบจากต้นทุนและเศรษฐกิจที่ชะลอตัวค่อนข้างจำกัดเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น ประมาณการทั้งปี 2023 ของยอดขายอยู่ที่ 4-6% มากกว่าที่คาดไว้เดิมที่ 3-5% ทำให้มองว่าหากผลประกบอการออกมาดีกว่าที่คาดใน 2Q23 จะทำให้มีการปรับประมาณการขึ้น เรามองว่าผลประกอบการของ CL นั้นมีความคล้ายกับกลุ่มเครื่องดื่มและร้านอาหาร ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของเราว่าหุ้นประเภทนี้ตอบสนองได้ดีในช่วงเงินเฟ้อที่สูงจากอำนาจในการกำหนดราคาที่สูงและสามารถลดความผันผวนจากความเสี่ยงเศรษฐกิจในภาพรวมได้
•  
• ผลประกอบการของบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วน Semiconductor นั้นออกมาดีกว่าที่คาด ทั้งในส่วนของ ON Semiconductor และ NXP Semiconductor โดยเป็นการออกมาแข็งแกร่งในส่วนของธุรกิจยานยนต์ ซึ่งช่วยลดผลกระทบจากการลดลงในส่วนของสินค้าในอุตสาหกรรมอื่นที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นเราค่อนข้างกังวลสำหรับธุรกิจยานยนต์ที่อาจจะได้รับแรงกดดันจากราคาขายและอัตราการทำกำไรที่อาจจะลดลงจากการลดราคาของผู้ผลิต EV อย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะเห็นในช่วง 3Q23 เป็นต้นไป ดังนั้นจึงเก็งกำไรด้วยความระมัดระวัง เรายังมองว่ากลุ่ม Semiconductor อาจจะมีการปรับตัวลงและเป็นจังหวะในการซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลง เราหวังว่า 2H23 จะดีกว่า 1H23