INVX Global Morning Routine - 25 เม.ย. 2566

บทสรุป

• ตลาดหุ้นทั่วโลกทรงตัวหลังการซื้อขายเป็นไปในทิศทางการชะลอโดยเฉพาะในสหรัฐฯ เนื่องจากเตรียมติดตามผลประกอบการเทคฯใหญ่และการเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญอย่าง GDP
  
• กระแสเงินในวันที่ 21 เม.ย. 2023 1) เห็นแรงซื้อในตราสารหนี้โดยเฉพาะตราสารหนี้คุณภาพดีและ High Yield หลังจากสถานการณ์ของความผันผวนในอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้นและปัจจัยเศรษฐกิจค่อนข้างอ่อนแอ แต่เห็นแรงซื้อในตราสารหนี้ป้องกันเงินเฟ้อจากความกังวลว่าเงินเฟ้อจะลดลงได้ช้ากว่าที่ตลาดคาดการณ์ 2) มีแรงขายในกลุ่ม Growth สะท้อนความกังวลต่อแนวโน้มผลประกอบการ 3) มีแรงขายในกลุ่ม Materials และพลังงาน ต่อเนื่องอาจจะมีความเป็นไปได้ว่าตลาดกังวลกับแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลก นอกจากนั้นกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมและ Consumer Discretionary 4) มีเงินไหลออกจากตลาดเงินใน EM ต่อเนื่อง 5) ยังมีแรงขายในหุ้นขนาดเล็กในช่วงการปรับประมาณการลง รวมถึงปัจจัยภายนอกผันผวน
• 
  Russia-Ukraine ไม่มีพัฒนาการเชิงบวก ส่วน Credit Spread ของ IG ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 2bps ส่วน HY ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8bps ขณะที่กลุ่ม Reopening ในจีนปรับตัวลดลง 1.3% โดยเป็นการลดลง 3 วันติดต่อกันและปรับตัวลดลงในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ทั้งนี้มองว่านักลงทุนอาจจะกังวลต่อภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงทำให้กิจกรรมในส่วนนี้อาจจะลดลง
• 
  ผลประกอบการของธนาคารเล็กอย่าง First Republic Bank ที่มีปัญหาด้านสภาพคล่องไปใน 1Q23 นั้นออกมาดีกว่าที่คาดทั้งในส่วนของรายได้และกำไร โดยรายได้ลดลง 13% YoY (สูงกว่าที่คาดที่ 10%) ทั้งนี้สืบเนื่องจาก Net Interest Income ลดลง 19% แต่ธนาคารมียอดเงินฝากลดลง 41% QoQ และ 35% YoY และต่ำกว่าคาด ทำให้ธนาคารต้องปรับลดพนักงานลง 25% และมีการควบคุมค่าใช้จ่ายและมีการปล่อยกู้ลดลง ในระยะสั้นด้วยเงินฝากที่ลดลงมากกว่าที่คาดทำให้ตลาดกังวลกับความเสี่ยงหุ้นธนาคารเล็กปรับตัวลดลงแรงแต่เรามองว่าไม่ใช่จังหวะในการเก็งกำไร รอความชัดเจนเรื่องมาตรการควบคุมของรัฐต่อธนาคารเล็กในเดือน พ.ค. เรายังมองว่าหุ้นธนาคารใหญ่ยังตอบโจทย์การลงทุนมากกว่าทั้งในส่วนของ BAC และ WFC
• 
  ผลประกอบการของ SAP ออกมาดีกว่าที่คาดและ Guidance ของกำไรจากการดำเนินงานในปี 2023 นั้นมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์เป็นผลจากการปรับลดค่าใช้จ่ายและแผนในการปรับธุรกิจ Cloud ที่ชะลอตัวลง ใน 1Q23 ส่วนผลประกอบการทั้งปี 2023 นั้น SAP ให้กรอบของรายได้และกำไรดีกว่าที่คาดการณ์ ขณะที่เรามองแนวโน้มของ SAP ก็ยังยึดโยงว่าธุรกิจ Software มีแนวโน้มที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว รายได้จาก Recurring จะดีขึ้น ทำให้ในกลุ่มเทคโนโลยีกลุ่ม Software จะฟื้นตัวก่อน Hardware เราชอบ MSFT และ CRM
• 
  ผลประกอบการของ P&G และ Coca-Cola ดีกว่าคาดโดย SSS เพิ่มขึ้น 7%YoY และ +12% ตามลำดับ ด้าน PG หนุนจากการปรับเพิ่มราคาขายราว 10% และกำไรที่เพิ่มขึ้นจากหลายโปรดักส์รวมกัน ซึ่งช่วยเยียวยาปริมาณการขายที่ลดลง 3%YoY ส่วน KO หนุนจากความต้องการเครื่องดื่มน้ำอัดลมในสถานที่สาธารณะที่แกร่ง เช่น คอนเสิร์ต ร้านอาหาร สนามกีฬา นอกจากนี้ Unit Volume +3% ถึงแม้ราคาขายจะเพิ่มขึ้น +10% ทำให้ EPS ออกมาดีกว่าคาด ขณะที่เรามองหุ้นกลุ่มเชิงรับอย่าง KO และ PG เป็นหุ้นที่เหมาะกับช่วงตลาดผันผวนหลังมีแรงซื้อที่แกร่งสะท้อนจากผลประกอบการอย่างเช่น KO ที่สามไตรมาสล่าสุดดีกว่าคาดทุกไตรมาส ประกอบกับแนวโน้มที่ออกมาดี ซึ่งสำหรับนักลงทุนคนใดที่มองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯในช่วงครึ่งปีหลังยังคงมีความเสี่ยงถดถอย เรามองว่าสองตัวนี้เหมาะกับการมีติดพอร์ตเนื่องจากจะสามารถลดความผันผวนได้ดี