บทสรุป
ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้น โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯได้รับแรงหนุนจาก GDP ที่ขยายตัว 2.9% สูงกว่าคาดที่ 2.8% ขณะที่ตลาดหุ้นฮ่องกงกลับมาเปิดทำการอีกครั้งหลังจากปิดยาวเนื่องในวันหยุดตรุษจีน โดยเปิดปรับตัวขึ้น 2.4% หลังได้รับแรงหนุนจากการท่องเที่ยวและการบริโภคที่เริ่มฟื้นตัวหลังเปิดเมือง
กระแสเงินในวันที่ 25 ม.ค. 2023 1) เริ่มเห็นกระแสเงินไหลออกจากตราสารหนี้ระดับหนึ่งหลังจากที่ราคามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี แต่ก็ยังมีเงินไหลเข้าตราสาร High Yield อยู่เป็นระยะ 2) มีแรงซื้อในตลาดจีนที่ได้ประโยชน์จาการเปิดประเทศ รวมถึงตลาด EM ด้วยแต่กระแสเงินค่อนข้างผันผวน 3) มีเงินไหลออกจากหุ้นธีม Growth ทั้งนี้มองว่าเป็นเรื่องแนวโน้มการเติบโตที่ชะลอตัวลง 4) นักลงทุนยังกังวลกับแนวโน้มกำไรทำให้หุ้นขนาดเล็กที่ค่อนข้างเปราะบางมีแรงขายออกมา 5) เริ่มเห็นแรงขายในตลาดหุ้นยุโรปหลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี
Russia-Ukraine ไม่มีพัฒนาการเชิงบวก ด้านราคาถ่านหินในยุโรปปรับตัวลดลง 2.1% และราคาก๊าซธรรมชาติลดลง 4.4% ส่วน Credit Spread ของ IG ปรับตัวลดลง 1.9bps ส่วน HY ปรับตัวลดลง 7bps นอกจากนั้น Credit Default Swap ของ IG และ HY ปรับลดลง 0.1-0.6% ขณะที่มีรายงานจากฝั่งจีนว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีน โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเมืองและเปิดประเทศของจีนนั้นมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจน เช่นการเดินทางที่เพิ่มขึ้น 2-3x จากปีที่ผ่านมา รายได้จาก Box Office นั้นเพิ่มขึ้นมาใกล้เคียงกับช่วง Pre COVID-19 ยอดจองโรงแรมและที่พัก รวมถึงยอดขายตั๋วในที่ต่างๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาสูงกว่า Pre COVID-19 แล้ว
บริษัท Intel ประกาศผลประกอบการใน 4Q22 ออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ กำไรต่ำกว่าที่คาด 18% ในขณะที่รายได้ต่ำกว่าที่คาด 4% หากมองในรายละเอียดจะพบว่ามีการชะลอตัวและหดตัวในทุกธุรกิจ 1) รายได้ลดลง 28% YoY โดยธุรกิจ Data Center & AI, Graphic และ Foundry นั้นดีกว่าที่คาด 6% 21% และ 66% ตามลำดับแต่ไม่เพียงพอที่จะลดเชยการชะลอตัวลงของธุรกิจเดิมของบริษัทได้ ทั้งนี้บริษัทยังให้แนวโน้มของ 1Q23 ค่อนข้างไม่ดี โดยคาดว่ารายได้จะลดลงอีก 40% YoY ซึ่งต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2010 และอัตราการทำกำไรขั้นต้นจะลดลงอีก 14.1ppt YoY เหลือ 39%
Mastercard และ Visa เผยงบดีกว่าคาด โดยมีรายได้และกำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้น YoY หนุนจากปริมาณการชำระเงินทั้งหมดและข้ามพรมแดนที่เพิ่มขึ้น โดยเราเชื่อว่า Mastercard และ Visa ยังคงมีแรงหนุนจากการเดินทางระหว่างประเทศที่ฟื้นตัว ประกอบกับการเปิดประเทศของจีนซึ่งจะหนุนปริมาณการชำระเงินระหว่างประเทศ รวมถึงปริมาณการชำระเงินในบัตรเครดิตเพิ่มขึ้นได้ แต่อย่างไรก็ดีเรามองว่ากลุ่มบริษัทบัตรเครดิตยังคงมีแรงกดดันจากสภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ส่งผลให้ผู้บริโภคใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากทำให้เรามองว่าอาจรอราคาย่อตัวลงมาเล็กน้อยถึงเป็นจังหวะในการเข้าลงทุนที่ได้ Risk-Reward ที่คุ้มค่า
