เนื้อหาโดยรวม
Bi-Weekly Portfolio Strategy กลยุทธ์การลงทุนราย 2 สัปดาห์ ประจำวันที่ 1-19 เมษายน 2567
"สัปดาห์แรกซื้อจันทร์บ่าย สัปดาห์ที่สอง ขายศุกร์เย็น หาก -5% ขายตัดขาดทุน"
เฟ้นหุ้นคุณภาพดี 5 บริษัท ที่คาดว่าจะสอดคลอ้งกับปัจจัยบวกที่จะเกิดขึ้น โดยคัดจากหุ้นที่มีพื้นฐานดี เทคนิคผ่าน และมีธีมหรือกระแสที่กำลังจะมา
5 หุ้น Top Pick bi- weekly portfolio ประจำวันที่ 1 - 19 เมษายน 2567
แนะนำ AOT CPALL PTTGC KCE และ GFPT
ผลการดำเนินงานย้อนหลัง bi-weekly portfolio
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและดาวน์โหลดเอกสารได้จากลิ้งข้างล่างครับ
ดาวน์โหลดเอกสาร คลิก!
มุมมองการลงทุน
ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสฟื้นตัวได้ จากความคาดหวังเชิงบวกที่มีต่อดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนและสหรัฐจะฟื้นตัว อีกทั้งเงินเฟ้อของไทยคาดยังอยู่ในระดับต่ำเพียงพอที่จะคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท. ได้
กลยุทธ์ลงทุนแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีมหลัก ดังนี้
1) หุ้นเก็งกำไรหลังราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้นทะลุ US$85 /bbl
จากความกังวลเศรษฐกิจถดถอยลดลงหนุนอุปสงค์ ด้านอุปทานได้ผลบวกจากสถานการณ์ตึงเครียดรหว่างรัสเซีย-ยูเครน โดยผู้รับความเสี่ยงได้สูง แนะนำ Trading PTTEP (ราคาน้ำมันระยะยาวเพิ่มทุก US$1 /bbl บวกต่อราคาเป้าหมาย 5 บาทต่อหุ้น) และ TOP (ค่าการกลั่นและกำไรสต๊อก) ขณะที่มองลบต่อกลุ่มค้าปลีกน้ำมัน (ค่าการตลาดแคบ) และกลุ่มสายการบิน (ต้นทุนเพิ่ม)
2) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของการผลิต (โดยเฉพาะจีน) และผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
ขณะที่ราคาหุ้นยังไม่ได้สะท้อนปัจจัยบวกดังกล่าว เลือก GFPT KCE SCGP IVL PTTGC
3) หุ้นที่ได้อานิสงส์บวกจากธุรกิจท่องเที่ยวไทยที่จะดีขึ้นตามผลฤดูกาล
เนื่องจากกำลังเข้าสู่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ไทย ซึ่งปีนี้รัฐบาลประกาศจัด 21 วัน เริ่ม 1-21 เม.ย.นี้ (จากข้อมูลในอดีต 13 ปีทีผ่านมาหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวมักจะให้ผลตอบแทนที่ดีในเดือน เม.ย. เฉลี่ยราว 2.5%MoM) เลือก AOT ERW MINT CPALL
4) หุ้นเก็งกำไรจากภาวะดอกเบี้ยที่จะกำลังปรับตัวลง โดยเฉพาะหากอัตราเงินเฟ้อไทย มี.ค. ยังรายงานมาอยู่ในระดับต่ำ เลือก กลุ่มไฟแนนซ์ (TIDLOR) กลุ่มสาธารณูปโภค (GULF) กลุ่มขนส่ง (AOT)
แต่ในประเทศยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ โดยตัวเลขเศรษฐกิจไทยโดยรวมยังแย่ โดยการบริโภค-ลงทุนชะลอ ขณะที่ส่งออกขยายตัวชะลอลงมาก อีกทั้งเงินบาทยังอ่อนค่ากดดันให้ Fund Flow ไหลออก โดยมีแรงซื้อหลัก นำโดย หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (DELTA HANA KCE) ส่วนหุ้นที่มีแรงขาย นำโดย กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี (PTT BANPU GULF GPSC PTTGC IVL)
ทั้งนี้สองสัปดาห์ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติขายสุทธิใน SET ราว 3.8 หมื่นลบ. ทำให้เดือน มี.ค. พลิกมีแรงขายสุทธิราว 4.1 หมื่นลบ. หลังจากที่มียอดซื้อสุทธิในเดือน ก.พ. 2.86 พันลบ. อย่างไรก็ดีหากหักรายการ Big lot ของ AWC ที่เกิดขึ้นในวันที่ 19-20 มี.ค. ซี่งมีการทำรายการเพื่อปรับโครงสร้างการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในตระกูลสิริวัฒนภักดี รวมราว 3.6 หมื่นลบ. มองได้ว่าต่างชาติขายสุทธิในเดือน มี.ค. ราว 5 พันลบ.ไอเดียการลงทุนอื่นบนแอป