บทสรุป
|
- สถานการณ์ราคาสินค้าเกษตรและโลหะ : เดือน ก.ค. 66 ราคาสินค้าเกษตรส่วนใหญ่ปรับขึ้น MoM จากกังวลปัญหาอุปทานตึงตัว ซึ่งมีสาเหตุจากรัสเซียยุติขยายข้อตกลงส่งออกธัญพืชจากยูเครนผ่านเส้นทางทะเลดำซึ่งสิ้นสุดลงในวันที่ 17 ก.ค. อีกทั้งรัสเซียยังโจมตีท่าเรือส่งออกธัญพืชของยูเครน และปรากฎการณ์ El Nino ทำให้สภาพอากาศไม่เอื้อต่อการเพาะปลูก ขณะที่ราคาโลหะปรับขึ้น MoM หลังจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้คาดหวังเชิงบวกต่ออุปสงค์ของจีนซึ่งเป็นผู้บริโภคโลหะรายใหญ่ของโลก ส่วนราคาเนื้อหมูและไก่ในไทยยังปรับลง MoM จากอุปทานที่เพิ่มขึ้นจากปัญหานำเข้าเนื้อสุกรผิดกฎหมาย ขณะที่เดือน ส.ค. 66 คาดราคาสินค้าเกษตรส่วนใหญ่จะยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น หลังยังกังวลอุปทานได้รับผลกระทบจากภาวะ El Nino ที่จะรุนแรงขึ้นใน 2H66-ปี 2567 รวมทั้งสงครามรัสเซียและยูเครนยังตึงเครียด ส่วนราคาเนื้อสัตว์คาดยังปรับลง MoM จากอุปทานที่อยู่ในระดับสูง
- สถานการณ์ราคาพลังงาน : ความกังวลเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐลดลง ทำให้ตลาดน้ำมันกลับมาฟื้นตัวเด่นในเดือน ก.ค. ทั้งน้ำมันดิบและค่าการกลั่น สอดคล้องกับมุมมองที่คาดว่าตาดน้ำมันใน 2H66 จะตึงตัวขึ้น ช่วยหนุนราคาในฟื้นขึ้น HoH อย่างไรก็ตามแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจีน ยังจะกดดันการเร่งตัวขึ้นแรงของราคาน้ำมัน ราคาก๊าซฯ และถ่านหินส่วนใหญ่ยังอ่อนตัวลงเล็กน้อย MoM กดดันจากอุปสงค์ในยุโรปที่ยังไม่ฟื้น การผลิตไฟฟ้าจาก RE ที่ทำได้ดีทั้งในยุโรปและจีน และปริมาณก๊าซฯ สำรองในยุโรปที่อยู่ในระดับสูง ปัจจัยที่ต้องติดตามหลัก ได้แก่ แนวโน้มเศรษฐกิจโลกในระยะถัดไป อย่างไรก็ตามหากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกไม่รุนแรง เชื่อว่าอุปทานจะตึงตัวขึ้นใน 2H23 และจะช่วยผลักดันราคาฟื้นตัวในช่วงที่เหลือของปี นอกจากนั้นสภาวะแล้งและฤดูหนาวยังอาจจะมีส่วนช่วยผลักดันราคาก๊าซฯ ได้อีกด้วย
- กลยุทธ์ลงทุน (Tactical Call) สำหรับหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ แนะนำดังนี้
- หุ้นเด่นจากสถานการณ์สินค้าเกษตรและโลหะ : เลือก OSP โดยแม้ 2Q66 คาดกำไรลดลง YoY แต่จะเพิ่มขึ้น QoQ และมีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่งมากขึ้นใน 2H66 จากอัตรากำไรขั้นต้นที่แข็งแกร่งหลังมีประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้นและต้นทุนขายที่ลดลง (อาทิ อลูมิเนียม ค่าไฟฟ้า ก๊าซธรรมชาติ) ขณะที่ยังคงแนะนำระมัดระวังการลงทุนสำหรับหุ้นกลุ่มอาหารอย่าง CPF, GFPT, BTG จากราคาเนื้อสัตว์ทั้งในประเทศและต่างประเทศยังมีทิศทางอ่อนแอจากอุปทานที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งมองมีโอกาสที่ตลาดจะปรับลดคาดดการณ์กำไรลงหลังประกาศงบ 2Q66 ซึ่งคาดภาพรวมอ่อนแอทั้ง YoY และ QoQ
- หุ้นเด่นจากสถานการณ์พลังงาน : ยังคงเลือก BCP ที่มีการกระจายความเสี่ยงธุรกิจ และเป็นโรงกลั่น defensive ที่มีสัดส่วนการผลิตน้ำมันดีเซลสูง (ส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น) ขณะที่มีสัดส่วนการจำหน่ายน้ำมันเบนซินผ่านสถานีบริการสูง (ค่าการตลาดสูง) และมีโอกาสเติบโตจากการเข้าซื้อกิจการ ESSO และPTT ซึ่งได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวผ่าน PTTEP, ธุรกิจจัดหาและตลาดก๊าซฯ, การกระจายความเสี่ยงธุรกิจที่ดี และคาดหวังผลตอบแทนจากเงินปันผลในอัตรา 5-6% ต่อปี
|
PDF คลิกอ่านเพิ่มเติม อัพเดตราคาสินค้าโภคภัณฑ์_230803_T