เนื้อหาโดยรวม
บทสรุป |
สถานการณ์ราคาสินค้าเกษตรและโลหะ : เดือน ก.ย. 66 ราคาสินค้าเกษตรยังคงปรับตัวคละเคล้า ตามผลกระทบของ El Nino ในแต่ละพื้นที่ โดยราคา ราคาข้าวสาลี ข้าวโพด น้ำตาลและยางพารา ปรับขึ้น MoM จากกังวลสภาพอากาศที่แห้งแล้งในพื้นที่เพาะปลูกจะกระทบผลผลิต ขณะที่ราคาถั่วเหลือง ปรับลง MoM ถูกกดดันจากวิตกตลาดส่งออกซบเซา และยังส่งผลต่อเนื่องในราคาปาล์มซึ่งเป็นสินค้าทดแทนกันได้ในการบริโภคอ่อนแอตามไปด้วย ด้านราคาไก่เนื้อในประเทศปรับลง MoM จากตลาดส่งออกที่เปราะบาง และตามราคาสุกรในประเทศที่ลดลง MoM จากอุปทานที่ยังสูง ส่วนราคาสินค้าโลหะส่วนใหญ่ปรับลง MoM จากอุปสงค์อ่อนแอและดอลลาร์แข็งค่า ขณะที่เดือน ต.ค. คาดความกังวลอุปทานตึงตัวจากภาวะ El Nino จะหนุนให้ราคาน้ำตาล และปาล์มปรับขึ้น MoM ขณะที่ราคาข้าวสาลี ข้าวโพดและกากถั่วเหลือง รวมทั้งโลหะ มีโอกาสทรงตัว MoM จากอุปสงค์ที่ซบเซา ส่วนราคาเนื้อสัตว์ในประเทศมีโอกาสลดลง MoM จากอุปสงค์ชะลอตัวหลังเข้าสู่เทศกาลกินเจในช่วงครึ่งหลังของเดือน ต.ค. และอุปสงค์จากตลาดส่งออกยังเปราะบาง สถานการณ์ราคาพลังงาน : การลดการผลิตของซาอุฯ, การลดส่งออกของรัสเซีย และความกังวลเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐที่น้อยลง เป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันปรับขึ้นต่อในเดือน ก.ย. โดยอุปทานน้ำมันยังถูกควบคุมผ่านกลุ่ม OPEC+ ที่ล่าสุดซาอุและรัสเซียลดการผลิต/ส่งออกโดยสมัครใจรวม 1.3 MBD ต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี 2566 อุปสงค์น้ำมันโลกยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง หนุนจากอุปสงค์การเดินทางและการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนในระยะสั้น ขณะที่ค่าการกลั่นเริ่มชะลอความร้อนแรง โดยปรับลดลงครั้งแรกในรอบ 5 เดือน หลังจีนประกาศโควตาส่งออกเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามแรงส่งเชิงบวกกลับมาหลังรัสเซียประกาศระงับการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปหลัก เพื่อสำรองไว้ในประเทศ ราคาถ่านหินยังปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการผลิตและส่งออกที่ลดลงในจีนและอินโดนีเซีย แต่อุปสงค์จากอินเดียสูงกว่าปกติจากภาวะแล้ง ราคาก๊าซฯ อ่อนตัวหลังการเจรจาโรงงาน LNG ในออสเตรเลียได้ข้อยุติ กลยุทธ์ลงทุน (Tactical Call) สำหรับหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ แนะนำดังนี้ 1) หุ้นเด่นจากสถานการณ์สินค้าเกษตรและโลหะ : ช่วงสั้นแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนไปก่อนสำหรับ 1) หุ้นกลุ่มอาหารอย่าง CPF, GFPT, BTG จากราคาเนื้อสัตว์ทั้งในประเทศและต่างประเทศยังอ่อนแอจากอุปสงค์ชะลอแต่อุปทานยังสูง ซึ่งมองจะกดดันผลประกอบการ 3Q66 ให้ลดลง YoY จากมีมาร์จิ้นแคบลง และ 2) หุ้นกลุ่มเครื่องดื่มอย่าง OSP, SNNP, HTC จากยอดขายรวมในประเทศไม่ฟื้นตัวตามเป้าที่ตั้งไว้และมีต้นทุนน้ำตาลที่สูงขึ้น ซึ่งมองกดดันผลประกอบการ 3Q66 มีโอกาสไม่เติบโต QoQ และอาจต้องปรับประมาณการทั้งกลุ่มของปีนี้ลงหลังประกาศงบ 3Q66 2) หุ้นเด่นจากสถานการณ์พลังงาน : แนะนำ Trading PTTEP ตามทิศทางราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวสูงกว่า 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล PTTEP ได้ประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันที่ฟื้นตัว และมีโอกาสได้รับผลกระทบจากความเสี่ยงด้านนโยบายต่ำที่สุดในกลุ่ม PTT และยังชอบ BCP จากแนวโน้มผลประกอบการ 3Q66 ที่คาดจะโดดเด่น ตามค่าการกลั่นเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น 137% QoQ อีกทั้งยังได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้น ผ่านกำไรจากสต๊อก BCP ยังน่าสนใจสำหรับการลงทุนผ่านการเติบโตจากการซื้อกิจการ ESSO ในเชิงกลยุทธ์หลังราคาน้ำมันปรับขึ้นมาเร็ว อาจมีการปรับฐานในระยะสั้น ซึ่งมองเป็นเป็นโอกาสในการสะสม ทั้งนี้การลงทุนในกลุ่มพลังงานแนะนำให้ติดตามทิศทางราคาน้ำมัน รวมถึงนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่มักส่งผลกระทบเชิงจิตวิทยาในระยะสั้น ขณะที่ยังแนะนำหลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่มปิโตรเคมี ที่ยังถูกกดดันจากอุปสงค์ที่ชะลอตัว และกำลังการผลิตใหม่เข้าสู่ตลาดจำนวนมาก |