วานนี้หลังจากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่งผลให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้มีคำสั่งให้นัดประชุมสภาผู้แทนราษฎรเป็นพิเศษ ในวันศุกร์ที่ 16 ส.ค. 67 เวลา 10.00 น. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่
ทั้งนี้เราคาดว่า แนวทางพัฒนาการของการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่เบื้องต้นจะเป็นดังนี้
1.ภายใน 1 สัปดาห์ สภาผู้แทนราษฎรไทยเปิดสมัยประชุมวิสามัญเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ตามมติของคณะรัฐมนตรี (ตามรูปแบบสมัยประชุมวิสามัญของรัฐสภาไทย 26–27 ตุลาคม 2563 หลังประชุมครม. 21 ตุลาคม 2563)
2.หากสามารถเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ได้ภายในเดือน ส.ค. กระบวนการงบประมาณอาจล่าช้าประมาณ 1 เดือนเนื่องจากต้องให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณางบประมาณรายจ่ายปี 2568 วาระที่ 2-3 ภายในต้นเดือน - กลางเดือน ก.ย. และสว. พิจารณางบประมาณรายจ่ายปี 2568 ปลายเดือนก.ย. - ต้นเดือน ต.ค. และทูลเกล้าถวายฯ ให้ทรงลงพระปรมาภิไธยกลางเดือน ต.ค.-ปลายเดือน ต.ค. เบื้องต้นเรามองว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 2.3% และ 2.7% ในปี 2567-2568 ขณะที่โอกาสในการทำโครงการ Digital Wallet ลดลง
3.หากไม่สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ได้ภายในเดือน ส.ค. กระบวนการงบประมาณอาจล่าช้าประมาณ 2-3 เดือนเป็นอย่างน้อย ซึ่งจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและนักลงทุน รวมถึงกระทบต่อการเบิกจ่ายงบประมาณ รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในอนาคต เบื้องต้นเรามองว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 2.0% และ 2.5% ในปี 2567 และ 2568 ตามลำดับ ขณะที่โอกาสในการทำโครงการ Digital Wallet น่าจะถูกยกเลิก
|