เราคาดการณ์กำไรปกติ 4Q65 ของ CPF ที่ 2.3 พันลบ. ฟื้นตัวจากขาดทุนปกติ 4.9 พันลบ. ใน 4Q64 โดยได้รับการสนับสนุนจากราคาสัตว์บกในประเทศไทยและราคาสุกรในเวียดนามและจีนที่ดีขึ้น แต่ -57% QoQ จากปัจจัยฤดูกาล เราคาดว่ากำไรปกติ 1Q66 จะปรับตัวดีขึ้น YoY โดยอิงกับราคาสัตว์บกในประเทศไทยและจีนที่ดีขึ้นใน 1Q66TD แต่จะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างทรงตัว QoQ จากปัจจัยฤดูกาล เรายังคงเรทติ้ง OUTPERFORM สำหรับ CPF ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี SOTP ที่ 32 บาท
คาดกำไรสุทธิ 4Q65 ที่ 2.3 พันลบ. -66% YoY และ -55% QoQ เราไม่คิดว่าจะมีรายการพิเศษใน 4Q65 เนื่องจากขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ชีวภาพจะหักล้างกับกำไรจากการขายเงินลงทุน ดังนั้นเราจึงคาดการณ์กำไรปกติ 4Q65 ของ CPF ที่ 2.3 พันลบ. ฟื้นตัวจากขาดทุนปกติ 4.9 พันลบ. ใน 4Q64 โดยได้รับการสนับสนุนจากราคาสัตว์บกในประเทศไทยและราคาสุกรในเวียดนามและจีนที่ดีขึ้น แต่ -57% QoQ จากปัจจัยฤดูกาล CPF จะประกาศผลประกอบการวันที่ 24 ก.พ.
รายการสำคัญใน 4Q65ราคาสัตว์บกในประเทศ ราคาสุกรในประเทศเพิ่มขึ้นสู่ 102 บาท/กก. ใน 4Q65 (+7% YoY, +1% QoQ) โดยเกิดจากฐานต่ำของปีก่อนจากการล็อกดาวน์ อุปทานที่ตึงตัวจากโรค ASF (โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร) และอุปสงค์ที่ฟื้นตัว ราคาไก่เนื้อในประเทศเพิ่มขึ้น YoY สู่ 45 บาท/กก. ใน 4Q65 (+9% YoY, -4% QoQ) โดยเกิดจากฐานต่ำของปีก่อนจากการล็อกดาวน์ ราคาสุกร (ผลิตภัณฑ์ทดแทน) ในประเทศสูง และอุปสงค์ในประเทศและการส่งออกที่แข็งแกร่ง ราคาสุกรและไก่เนื้อในประเทศดังกล่าวสูงกว่าจุดคุ้มทุนของตลาดที่ 82 บาท/กก. และ 39 บาท/กก. ราคาสุกรในเวียดนาม เพิ่มขึ้นสู่ VND53,154/กก. ใน 4Q65 +28% YoY แต่ -15% QoQ โดยเกิดจากฐานต่ำของปีก่อนจากการล็อกดาวน์ และอุปสงค์ที่ฟื้นตัว และสูงกว่าจุดคุ้มทุนของตลาดที่ VND49,000/กก. CTI (ธุรกิจอาหารสัตว์และฟาร์มสุกรในจีน): ราคาสุกรในจีนเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดสู่ CNY24/กก. ใน 4Q65 +47% YoY และ +6% QoQ โดยเกิดจากการปรับอุปทาน (ประเมินจุดคุ้มทุนของตลาดได้ที่ CNY17/กก.) และอุปสงค์ที่ฟื้นตัว ทั้งนี้ใน 4Q65 เราคาดการณ์ส่วนแบ่งกำไรจาก CTI ที่ 500 ลบ. เพิ่มขึ้น YoY โดยได้รับการสนับสนุนจากราคาสุกรในตลาดที่ดีขึ้น แต่ลดลง QoQ โดยมีสาเหตุมาจากขาดทุนที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ชีวภาพอันเป็นผลมาจากราคาสุกรที่ลดลง ณ สิ้น 4Q65 ประเทศอื่นๆ เราคาดว่าการดำเนินงานจะอ่อนแอลง YoY โดยเกิดจากผลขาดทุนจาก Bellesio (สหรัฐฯ) และ Hylife (แคนาดา และสหรัฐฯ) ที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาปรับขึ้นช้ากว่าต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการขาดแคลนแรงงานในสหรัฐฯ เป็นเวลานาน ออเดอร์ส่งออกของ Hylife ที่ลดลงจากลูกค้าในญี่ปุ่น (50-60% ของการส่งออกทั้งหมดของ Hylife) รวมถึงการบูรณาการการผลิตระดับต่ำ เพราะซื้อสุกรราคาสูงจากภายนอกท่ามกลางผลการดำเนินงานที่ค่อนข้างทรงตัว YoY จากประเทศอื่นๆ
เทรดที่ระดับ discount จากบริษัทร่วมลึกขึ้น ราคาหุ้น CPALL และ MAKRO (CPF ถือหุ้น 34% และ 8.85%) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อไม่นานนี้ทำให้ปัจจุบัน CPF เทรดที่ระดับ discount 17% จากมูลค่าการถือครองที่ 29 บาท/หุ้น โดยอิงกับราคาตลาดปัจจุบันของ CPALL และ MAKRO
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ แรงกดดันเงินเฟ้อต่ออุปสงค์และต้นทุน และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น